Investment Strategy แค่ระวังไว้ ไม่ต้องแตกตื่น

Investment Strategy แค่ระวังไว้ ไม่ต้องแตกตื่น

ประเทศไทยเข้าสู่ช่วงหน้ามรสุมอย่างเต็มที่แล้ว โดยระดับน้ำกำลังเพิ่มสูงขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ จึงไม่น่าแปลกใจที่ประชาชนจะเป็นกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งอาจจะทำให้กิจกรรมทางธุรกิจสะดุดลงในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ หากอิงตามระดับน้ำ และจำนวนพายุที่จะพัดเข้าประเทศไทยในฤดูกาลนี้ เราคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะน้ำท่วมในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคกลางของประเทศ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร และนิคมอุตสาหกรรมบางแห่ง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลระดับน้ำทั่วประเทศในปัจจุบันยังบ่งชี้ว่าความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะน้ำท่วมรุนแรงยังจำกัด โดยความเสี่ยงหลักได้แก่ 1) พายุมีกำลังแรงกว่าที่คาดไว้ทำให้มีปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นมาก และ 2) มีปริมาณฝนตกใต้เขื่อนมากเกินไป

 

ระดับน้ำในปัจจุบันยังไม่แสดงว่ามีความเสี่ยงรุนแรง

จากพยากรณ์อากาศว่าจะพายุพัดเข้าประเทศไทยทั้งหมด 23 ลูกในปีนี้ ดังนั้น จึงคาดว่าพายุที่ยังเหลืออีก 15 ลูกจะพัดเข้าประเทศไทยในอีกสองสามเดือนข้างหน้า ซึ่งหมายความว่าระดับน้ำโดยรวมจากนี้ไปมีแนวโน้มจะสูงขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดของฤดูกาลประมาณเดือนตุลาคม หากพิจารณาจากข้อมูลทั่วประเทศ ถึงแม้ว่าระดับน้ำในช่วงที่ผ่านมาจะสูงกว่าปีที่แล้วอย่างมาก แต่ยังต่ำกว่าระดับน้ำเมื่อปี 2011 อยู่มาก ดังนั้น เราจึงยังต้องระวังภาวะน้ำท่วมในบางพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะในภาคกลาง ตะวันออก และอีสาน ซึ่งระดับน้ำกำลังขยับเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ขีดบนแล้ว

 

 

 

กิจกรรมทางเศรษฐกิจไม่น่าจะได้รับผลกระทบรุนแรงนัก

เนื่องจากระดับน้ำในปัจจุบันยังอยู่ภายในช่วงระหว่างปี 2011-2021 ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลที่จะคาดการณ์ไปในกรณีเลวร้ายที่สุดสำหรับปีนี้ ซึ่งสถานการณ์โดยรวมอาจจะคล้ายกับที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเราไม่พบว่าตัวเลขเศรษฐกิจมีการเคลื่อนไหวผิดปกติแต่อย่างใด (figure 4) ในขณะเดียวกัน ตลาดก็ไม่ได้เคลื่อนไหวมากนักในช่วงดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม เราคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการเข้าเก็งกำไรหุ้นบางตัวจากกระแสข่าวในเรื่องนี้ (ดู figure 6, 7)

Investment Strategy แค่ระวังไว้ ไม่ต้องแตกตื่น

Investment Strategy แค่ระวังไว้ ไม่ต้องแตกตื่น

Investment Strategy แค่ระวังไว้ ไม่ต้องแตกตื่น

 

หุ้นสำหรับเล่นในธีมน้ำท่วม

มีหุ้นบางตัวที่มีแนวโน้มจะขยับขึ้นได้ดีในช่วงที่มีความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำท่วมเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้อุปสงค์การก่อสร้าง และสินค้าจำเป็นขั้นพื้นฐานเพิ่มขึ้น โดยหุ้นในกลุ่มนี้ได้แก่ TASCO (ยางมะตอย), TU (อาหารกระป๋อง) และกลุ่ม commerce อย่างเช่น MAKRO, BJC และ CPALL ในขณะเดียวกัน หุ้นในกลุ่มซ่อมแซม และปรับปรุงอาคารมักจะให้ผลตอบแทนดีหลังน้ำท่วม ซึ่งหุ้นยอดนิยมในกลุ่มนี้ได้แก่ DRT & DCC (กระเบื้องเซรามิค) และ TOA & DPAINT (สีทาบ้าน) นอกจากนี้ หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการปรับปรุงที่อยู่อาศัย อย่างเช่น GLOBAL, HMPRO และ DOHOME ก็น่าจะพลอยได้อานิสงส์ไปด้วย