5 บริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่ม Healthcare 
กับบริษัทน้องใหม่ที่กำลังมาแรง

5 บริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่ม Healthcare 
กับบริษัทน้องใหม่ที่กำลังมาแรง

ที่ผ่านมาเราได้รู้จักบริษัท Technology ชั้นนำอาทิ Microsoft, Apple, Amazon, Google หรือ Facebook แต่ยังมีอีกกลุ่มบริษัทที่มีบทบาทสำคัญเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการลงทุน และ ยังเป็นหนึ่งในปัจจัย 4  นั่นคือ กลุ่มบริษัท Healthcare

โดยบริษัทยากว่า 50 แห่งในปี 2020 เพียงปีเดียวมีรายได้รวมกันเกือบ $900 billion และ ในช่วงเกือบ 2 ปี ที่ผ่านมา ในช่วง COVID-19 ระบาด มีข้อมูลยืนยันได้ว่ากว่าครึ่งของ 10 บริษัทชั้นนำในกลุ่ม Healthcare มีส่วนเกี่ยวข้องกับ COVID-19 ผ่านงานวิจัย, การทดลอง, พัฒนาวัคซีน, คิดค้นยา ตลอดจนวิธีการรักษาใหม่ๆ เป็นต้น  

5 บริษัทชั้นนำในกลุ่ม Healthcare คือบริษัทใดบ้าง?

(อิงจากข้อมูลของ Visual Capitalist และใช้ขนาด Market Cap ณ วันที่ 14 ต.ค. 2021)

1. Johnson & Johnson

บริษัทยาอันดับ 1 ด้วยมูลค่าตลาดถึง $420 billion บริษัทจดทะเบียน IPO ครั้งแรกในปี 1944 หรือกว่า 77 ปี บริษัทมีทั้งงานวิจัย, ขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวข้องกับธุรกิจ Healthcare และ ร่วมผลิตยาหลายชนิด ยาที่มียอดขายสูงเช่น รักษาโรคสะเก็ดเงิน และ ลำไส้อักเสบ ปัจจุบันกำลังพัฒนาวัคซีนตัวที่ 3 เพื่อขออนุมัติจาก FDA และได้รับเลือกให้เป็นเป็นบริษัทที่มีอิทธิพลมากที่สุดในปี 2021 จาก TIME100

2. Roche

บริษัทยายักษ์ใหญ่จากสวิตเซอร์แลนด์ ผู้นำในด้านการรักษาเนื้องอก (Oncology), จักษุวิทยา, (Immunology), จักษุวิทยา (Ophthalmology), ประสาทวิทยา (Neuroscience) และโรคติดต่อ ในปี 2019 รายได้บริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 16% สู่ระดับ $53 billion

3. Pfizer

ถึงแม้จะเป็นผู้นำในการผลิตวัคซีน COVID-19 บริษัท Pfizer เป็นบริษัทยาที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกด้วยมูลค่าตลาด $232 billion และในไตรมาส 2/21 ที่ผ่านมาบริษัทสามารถทำรายได้ไปมากถึง $19 billion ขยายตัวมากกว่า 86% จากปีก่อน

4. Eli Lilly

ผู้ผลิตยาเบาหวานประเภท 2 “Trulicity”, ยากลุ่มรักษาโรคมะเร็ง และ ระบบประสาท จากบริษัทที่มูลค่าตลาดเพียง $125 billion ในปี 2019 บริษัท Eli Lilly สามารถขยายบริษัทและเติบโตขึ้นสู่ระดับ $226 billion ได้ในปี 2021 คิดเป็นการเติบโตกว่า 80%

5. Novartis

บริษัทผลิตยายักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของสวิซเซอร์แลนด์ ดำเนินธุรกิจมาแล้ว กว่า 25 ปี ผู้เชี่ยวชาญในด้านการรักษาเนื้องอก (Oncology), จักษุวิทยา (Ophthalmology) และ ประสาทวิทยา (Neuroscience) สามารถสร้างรายได้ไปมากกว่า $48 billion ในปี 2020 ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าตลาดสู่งถึง $200 billion

บริษัทขนาดเล็ก (จิ๋วแต่แจ๋ว) หากมีนวัตกรรมสามารถโตได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับบริษัทอื่นๆ ในอับดับที่ 6-10 มีดังนี้ Novo Nordisk, Merck, Abbvie, Astrazeneca และ อันดับ 10 บริษัท Moderna โดยเฉพาะ Moderna แม้ยังอยู่ในอันดับที่ 10 แต่จากบริษัทขนาดเล็กเมื่อปลายปี 2019 ในช่วงก่อน Covid-19 ระบาด บริษัทมีขนาด Market Cap.เพียง $6.34 billion แต่ล่าสุดหลังสามารถขายวัคซีนได้ในเชิงพาณิชย์มูลค่าเพิ่มเป็น $130 billion หรือ เพิ่มขึ้นถึง 20 เท่า

Moderna เป็นบริษัทที่พึ่งก่อตั้งในปี 2010 ได้สร้างชื่อเสียงและกลายเป็นที่รู้จักจากการพัฒนาวัคซีน COVID-19 ด้วยวิธี mRNA ซึ่งได้รับอนุมัติเป็นวัคซีนแรกๆ และได้รับการยอมรับถูกใช้ไปในทั่วโลก นอกจากวัคซีน COVID-19 แล้ว Moderna ยังมีวัคซีนที่อยู่ระหว่างการทดลองอีกมาก อาทิ วัคซีนเชื้อ HIV, Zika หรือ วัคซีน COVID และ ไข้หวัดใหญ่ในเข็มเดียวเป็นต้น

ขนาด Market Cap. ของ Moderna นับตั้งแต่ปี 2019-ปัจจุบัน เพิ่มถึง 20 เท่า

5 บริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่ม Healthcare 
กับบริษัทน้องใหม่ที่กำลังมาแรง Source: Bloomberg data as of 14 Oct. 2021

ทั้งนี้ พัฒนาการของ Moderna เป็นตัวอย่างที่ดีของบริษัทที่อยู่ถูกที่ถูกเวลา แต่ก็ยอมรับว่าการที่บริษัทเลือกที่จะศึกษา และพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง mRNA เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ดังนั้นเรายังเชื่อว่าบริษัทกลุ่ม Healthcare ที่มีขนาดใหญ่ในปัจจุบันก็คงไม่หยุดนิ่งเช่นกัน ที่จะพยายามรักษาส่วนแบ่งการตลาดของผลิตภัณฑ์ตนเอง

นวัตกรรมใหม่ๆ ของบริษัทยากำลังจะเกิดขึ้น

การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ผ่านมาสะท้อนว่า ระบบสาธารณสุขอาจต้องหันมาสนับสนุนการให้ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง (Petient-Centered) โดยอุตสาหกรรมยารักษาโรคได้เข้ามาเป็นผู้เล่นสำคัญ ในการคิดค้นยารักษาโรคเฉพาะแบบ (targeted medicine) ที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน พร้อมไปกับการวิจัยและพัฒนาเครื่องมือและยารักษาโรคใหม่ๆ

นอกจากนั้น การเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ๆ จะช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาอุตสาหกรรมยา เช่น ยารักษาโรคที่ผลิตโดยระบบสามมิติ (3D Printed Drugs), การรักษาโดยใช้ AI เข้ามามีส่วนร่วมในการวิเคราะห์และประเมินอาการ รวมถึง การคิดค้นยาที่ไม่เพียงแต่รักษาโรคเท่านั้น แต่เป็นยาสำหรับป้องกัน เช่น วัคซีนป้องกันอีสุกอีใส ที่คิดค้นได้สำเร็จเหมือนในอดีต

โดยสรุป บริษัทกลุ่ม Healthcare แม้อาจจะไม่ถูกพูดถึงเป็นที่รู้จักมากนัก เมื่อเทียบกับกลุ่มบริษัทเทคโนโลยี แต่แท้ที่จริงแล้ว การเกิดโรคระบาดในครั้งนี้คงเพิกเฉยไม่ได้ที่จะให้ความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการลงทุน กลุ่มอุตสาหกรรม Healthcare ถือว่าเป็นหุ้น defensive โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจ บริษัทยา ถือว่าเป็นบริษัทที่มีรายได้สม่ำเสมอ ไม่ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจมากนัก ในขณะที่ในหลายๆบริษัทยังทำการวิจัยเพื่อคิดค้นยา และ เครื่องมือรักษาโรคใหม่ๆ จึงสามารถพิจารณาเป็นหุ้นในกลุ่ม growth ได้อีกด้วย ดังนั้นการลงทุนเองนอกจากกลุ่มเทคโนโลยีที่เป็นชื่นชอบของนักลงทุนแล้ว กลุ่ม Healthcare ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

ที่มา: Bloomberg, Visual Capitalist

ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว

กองทุนอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และ www.tiscoasset.com หรือ แอปพลิเคชัน TISCO My Funds