‘ธรรม​นัส’เล็งเยียวยาพิเศษชาวพื้นที่ลุ่มต่ำ รับระบายน้ำท้ายเขื่อนสูงสุดยาวอีก 1 สัปดาห์

‘ธรรม​นัส’เล็งเยียวยาพิเศษชาวพื้นที่ลุ่มต่ำ รับระบายน้ำท้ายเขื่อนสูงสุดยาวอีก 1 สัปดาห์

กรมชลประทาน ยื้อ 1 สัปดาห์ระบายน้ำท้ายเขื่อนสูงสุด2,900 ลบ.ม. ต่อวินาที เร่งลงเจ้าพระยาออกอ่าวไทย มั่นใจ ธ.ค.นี้เข้าภาวะปกติ ขณะเตรียมมาตรการเยียวยาพิเศษชาวน้ำท่วมพื้ที่ลุ่มต่ำ

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธาน​การประชุม​ติดตาม สถานการณ์น้ำ ที่กรมชลประทาน

‘ธรรม​นัส’เล็งเยียวยาพิเศษชาวพื้นที่ลุ่มต่ำ รับระบายน้ำท้ายเขื่อนสูงสุดยาวอีก 1 สัปดาห์

​ว่า  สถานการณ์อากาศในภาพรวมปีนี้​ ประเทศไทยได้รับผลกระทบทางอ้อมจากพายุหลายลูก ทำให้เกิดภาวะอากาศแปรปรวนและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยสถานการณ์​น้ำ​ลุ่ม​เจ้าพระยา​จะไม่รุนแรง​ไปกว่านี้​ เนื่องจาก​ฝนจะลงสู่ภาคใต้​ซึ่ง​ได้​สั่งการ​ให้​ชลประทาน​ในพื้นที่​เตรียม​มาตรการ​รับมือ​แล้ว

ปัจจุบันเขื่อนภูมิพลยังคงระบายน้ำอยู่ที่ประมาณ 48 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)ต่อวัน ส่วน​เขื่อน​กิ่วลมระบายที่​ 6 ล้าน​ลบ.ม.ต่อ วัน​ ส่งผลให้​ปริมาณ​น้ำที่ไหลมายังเขื่อนเจ้าพระยามีมาก​ แม้ได้แบ่งน้ำเข้าระบบชลประทาน​ทั้ง​ 2 ฝั่งเหนือ​เขื่อน​อย่าง​เต็ม​ศักยภาพ​แล้ว​ ยังจำเป็นต้องระบายท้ายเขื่อนในอัตรา 2,900 ลบ.ม.ต่อ วินาที ทำให้​ประชาชน​จังหวัด​ท้าย​เขื่อน​ได้​รับผลกระทบ​กว้าง​ขึ้น

โดยยืนยัน​ว่า การระบายในอัตราดังกล่าว​ เป็น​อัตราสูงสุด​ซึ่ง​จะดำเนินต่อเนื่องประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนทะยอยปรับลดลงตามปริมาณน้ำเหนือที่เริ่มลดลง​ รวมทั้ง​ภาวะ​น้ำ​ทะ​เ​ลหนุน​ที่​คลี่คลาย​ลง

พร้อมจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำเร่งระบายน้ำตอนปลายลุ่มเจ้าพระยาออกสู่อ่าวไทยที่จังหวัด​สมุทรปราการ​และ​จังหวัด​ฉะเชิงเทรา​ ตลอด​จนจะระบาย​น้ำเข้า​คลองบางสายของกทม.​ ในอัตรเล็กน้อย​ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล

ทั้งนี้ เมื่อเข้าสู่เดือนธันวาคม การระบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยาจะลดลงเหลือประมาณ 1,000 ลบ.ม. ต่อวินาที และปรับเข้าสู่ระดับปกติราว 700 ลบ.ม. ต่อวินาทีในเดือนมกราคม

ขณะที่รัฐบาลเตรียมมาตรการเยียวยาเป็นพิเศษ ให้แก่เกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำที่ได้รับผลกระทบยาวนานจากน้ำท่วม โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี