"บีเจซี" ผนึกพันธมิตร หนุนเงินทุน-สินค้าคุณภาพ เสริมแกร่งร้าน "โดนใจ"

"บีเจซี" ผนึกพันธมิตร หนุนเงินทุน-สินค้าคุณภาพ เสริมแกร่งร้าน "โดนใจ"

"บีเจซี" ผนึกพันธมิตรทั้งผู้ผลิตสินค้า สถาบันการเงินมากกว่า 30 ราย หนุนด้านเงินทุนและสินค้าคุณภาพ เสริมแกร่งร้าน "โดนใจ" เติบโตอย่างยั่งยืน

ด้วยวิสัยทัศน์ของเจ้าสัว "เจริญ สิริวัฒนภักดี" ที่มีความมุ่งมั่นในการช่วยพัฒนาผู้ประกอบการในท้องถิ่นโดยเฉพาะ "ร้านโชห่วย" ของไทยมีศักยภาพ เสริมแกร่งด้วยเทคโนโลยี เอื้อต่อการค้าขาย เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

โจทย์ดังกล่าว ถูกส่งต่อให้เป็นภารกิจของทายาทคนเล็กของตระกูล "สิริวัฒนภักดี" อย่าง ฐาปณี เตชะเจริญวิกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีเจซี ทำหน้าที่ในการยกระดับและติดอาวุธให้กับร้านโชห่วย ซึ่งระยะเวลา 1 ปี ที่ซุ่มศึกษา เรียนรู้ พร้อมปลุกปั้นโมเดลธุรกิจ "ร้านโดนใจ" ทำให้ปัจจุบันสร้างเครือข่ายร้านโชห่วยแล้วถึง 1,200 ร้านทั่วประเทศ ขณะที่เป้าหมายใหญ่ บริษัทฯ ต้องการสร้างเครือข่ายโชห่วยร้านโดนใจให้แตะ 8,000 ร้าน ภายในปี 2566 ส่วนระยะยาวยังคงตั้งเป้าที่ 30,000 ร้าน ใน 5 ปี หรือภายในปี 2570 

กลยุทธ์สานเป้าหมายดังกล่าว และเสริมแกร่งให้โชห่วยท้องถิ่นทั่วไทย คือการดึง "พันธมิตร" ทั้งสถาบันการเงิน และผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค นำ "จุดแข็ง" ของทุกฝ่ายมาผสานกัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของร้านค้า 

\"บีเจซี\" ผนึกพันธมิตร หนุนเงินทุน-สินค้าคุณภาพ เสริมแกร่งร้าน \"โดนใจ\"

สำหรับการผนึกพันธมิตรครั้งสำคัญมีมากกว่า 30 ราย ในส่วนนี้ราว 30 ราย เป็นผู้ผลิตสินค้าจากคู่ค้าที่ บีเจซี - บิ๊กซี ทำมาค้าขายด้วย ได้แก่ โค้ก แฟนต้า เนสกาแฟ ไฮยีน บรีส ดาวน์นี่ นีเวีย แอทแทค เปา คอลเกต ไฟน์ไลน์ ดัชมิลล์ แลคตาซอย สิงห์ มาม่า ไวไว เบอร์ดี้ น้ำมันมรกต ข้าวเบญจรงค์ เด็กสมบูรณ์ เลย์ อิงอร ปินโต้ ข้าวตราแตงโม ซอสม้าบิน ขนมปูจ๋า ซีพี - เมจิ บีทาเก้น ขนมปังมิงโก้ และแหนมดอนเมือง เป็นต้น ซึ่งนับเป็น "ก้าวแรก" ในการสนับสนุน "สินค้าขายดี" ให้กับร้านค้าต่างๆ ถัดไป โดยจะเห็นเฟส 2 ในการนำเสนอสินค้าภายใต้สิทธิประโยชน์พิเศษ รวมถึงโปรโมชัน ราคาต่างๆ เพื่อตอบสนองผู้ประกอบการโชห่วย 

อีกไฮไลต์ คือการดึง "สถาบันการเงิน" ชั้นนำของเมืองไทย ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) มาสร้างความมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ช่วยค้ำประกัน เพื่อตอบโจทย์สภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการร้านโชห่วยที่อยากพลิกโฉมมาเป็นร้าน "โดนใจ"  

\"บีเจซี\" ผนึกพันธมิตร หนุนเงินทุน-สินค้าคุณภาพ เสริมแกร่งร้าน \"โดนใจ\"

หลังจาก บีเจซี เปิดโมเดล ร้านโดนใจ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการต้องการเป็นเครือข่ายพันธมิตรนับพัน หนึ่งในความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายคือ การมี "เงินทุน" สนับสนุนเพื่อเปิดร้าน หรือปรับปรุงเป็นร้านโดนใจมากกว่า 60% และกว่า 30% ใช้กระแสเงินสด หรือทุนของตนเองในการเปิดร้าน ขณะที่ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา จำนวนร้านโดนใจราว 1,200 ร้านทั่วประเทศ ผู้ประกอบการกว่า 90% ใช้เงินสดดำเนินกิจการ 

"การผนึกพันธมิตรทั้งผู้ผลิตสินค้า และสถาบันการเงินเพื่อต่อยอดในการสร้างทุนให้กับผู้ประกอบการที่สนใจที่จะเปิดร้านโดนใจในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพราะจากรายชื่อผู้ประกอบการ โชห่วย ที่อยากเปิดร้านโดนใจหรือ waiting list มีกว่า 60% ที่ต้องการได้รับการสนับสนุนทางการเงินทุนหรือสินค้า ดังนั้นเราเชื่อมั่นว่า การเชื่อมโยงพันธมิตรที่หลากหลายจะเป็นส่วนเติมเต็มที่สำคัญให้ร้านโดนใจสามารถเติบโตไปได้อย่างยั่งยืนในอนาคต" ฐาปณี กล่าว

ฐาปณี กล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายสนับสนุนทางด้านการเงิน ธนาคารต่างๆ ได้มอบ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เช่น ธนาคารกรุงเทพ มีสินเชื่อฟื้นฟูธุรกิจเอสเอ็มอี อัตราดอกเบี้ย 2% ระยะเวลา 2 ปี และผ่อนชำระ 60 เดือน ธนาคารออมสินมีสินเชื่อช่วยเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งมีทั้งวงเงินกู้ระยะสั้นและระยะยาว เป็นต้น

\"บีเจซี\" ผนึกพันธมิตร หนุนเงินทุน-สินค้าคุณภาพ เสริมแกร่งร้าน \"โดนใจ\"

ขณะที่ บสย. ระบุถึงความร่วมมือกับ บีเจซี เพื่อเสริมแกร่งร้านโดนใจครั้งนี้ บสย. ในฐานะเป็นสถาบันการเงินของรัฐ ภายใต้สังกัดกระทรวงการคลัง จะช่วยค้ำประกันสินเชื่อต่างๆ สอดคล้องกับที่ผ่านมา ได้เข้าไปช่วยค้ำประกันสินเชื่อผู้ประกอบการร้านค้าโชห่วยมากกว่า 70,000 รายทั่วประเทศ คิดเป็นวงเงินค้ำประกันสินเชื่อกลุ่มผู้ค้าปลีกรวมมากกว่า 50,000 ล้านบาท

ด้านแนวทางการทำตลาดร้านโดนใจ จากนี้ไปบริษัทฯ จะโรดโชว์ไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้และเสริมองค์ความรู้ให้กับร้านโชห่วย โดยประเดิมจังหวัดอุบลราชธานีเป็นพื้นที่แรก และกระจายสู่จังหวัดอื่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขยายสู่ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออกและภาคกลางตามลำดับ 

"การโรดโชว์เบื้องต้นจะมีประมาณ 9 จังหวัด เช่น อุบลราชธานี ขอนแก่น ภูเก็ต และชลบุรี โดยรูปแบบจะจัดเต็มไปพร้อมกับพันธมิตรทั้งสถาบันการเงิน และผู้ผลิตสินค้า" ฐาปณี กล่าว

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลร้านโชห่วยทั่วประเทศไทยมีกว่า 400,000 ร้านค้า ตามเจตนารมย์ของ "นายเจริญ" ต้องการให้ช่วยเหลือทั้งหมด เนื่องจากตระหนักถึงความสำคัญของร้านเหล่านี้คือ "รากฐาน" ทางเศรษฐกิจของไทย หากติดอาวุธให้มีความแข็งแกร่งได้ จะผลักดันให้ เศรษฐกิจไทย โดยรวมมีการเจริญเติบโตมากขึ้นด้วย 

"วัตถุประสงค์ของการทำ ร้านโดนใจ และผนึกพันธมิตรครั้งนี้ เราตั้งใจเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านโชห่วยไทย ที่ผ่านมาเผชิญความยากลำบากทางด้านเศรษฐกิจ จึงต้องการเสริมแกร่งให้เจ้าของร้านจริง ด้วยการเสนอข้อมูลสินค้าคุณภาพ และสินค้าขายดีให้กับร้าน การเลือกพื้นที่เป้าหมาย โอกาสทางการตลาดจากจำนวนลูกค้า โดยบริษัทฯ จะนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมระบบการค้าขาย และบริการส่งสินค้าถึงหน้าบ้าน" ฐาปณี กล่าว

ฐาปณี กล่าวต่อไปว่า สำหรับโมเดลร้านโดนใจ ผู้ประกอบการร้านค้า โชห่วย สามารถเลือกลงทุนและสินค้าที่จำหน่ายได้เอง โดยไม่ต้องแบ่งผลกำไร ใช้งบลงทุนที่ไม่สูง ผ่าน 2 รูปแบบ ได้แก่ 1. บีเจซี จะใช้เครือข่ายของ บิ๊กซี เพื่อจำหน่ายสินค้าให้กับร้านค้าในชุมชน 2. นำเอาระบบ POS ที่พัฒนาขึ้นเข้าไปเสริมแกร่งธุรกิจให้กับร้านโชห่วย  

\"บีเจซี\" ผนึกพันธมิตร หนุนเงินทุน-สินค้าคุณภาพ เสริมแกร่งร้าน \"โดนใจ\"

สำหรับโมเดลร้านโดนใจ มี 4 ขนาด ให้ผู้ประกอบการเลือกลงทุนตามความเหมาะสม ได้แก่ ไซส์ XS มีพื้นที่ขายไม่เกิน 20 ตารางเมตร (ตร.ม.) สินค้าประมาณ 600 รายการ (เอสเคยู) เครื่องคิดเงิน POS 1 เครื่อง ไซส์ S พื้นที่ขาย 20-40 ตร.ม. สินค้าประมาณ 1,000 รายการ ไซส์ M พื้นที่ขายกว่า 40-80 ตร.ม. สินค้าประมาณ 2,000 รายการ ตู้แช่แข็ง 1 ตู้ และไซส์ L พื้นที่ขาย กว่า 80-120 ตร.ม. สินค้าประมาณ 2,400 รายการ และตู้แช่เย็นสินค้า 3 ประตู 2 ตู้ เป็นต้น

นอกจากตลาดในประเทศไทย ฐาปณี ยังยกโมเดลร้านโดนใจ บุกตลาดเวียดนามด้วย ภายใต้ชื่อ Gia Toh เพราะเล็งเห็นโอกาสร้านโชห่วยในเวียดนามที่มีมากถึง 7 แสนร้านทั่วประเทศ หากผสานกับจุดแข็งของ เอ็มเอ็ม เมก้า มาร์เก็ต จึงคาดว่าจะสร้างการเติบโตได้ โดยเวียดนามถือเป็นหนึ่งในจุดหมายที่สำคัญในการนำสินค้าไทยไปขายยังภูมิภาคอาเซียน

"เราเชื่อมั่นว่า ร้านโดนใจ จะเป็นส่วนเติมเต็มที่สำคัญให้กับการพัฒนาร้านโชห่วยในประเทศไทยให้สามารถเติบโตและขานรับความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างหลากหลาย มากไปกว่านั้นการมีระบบบริหารจัดการที่ดีจะทำให้ร้านค้ารวมไปถึงผู้ประกอบการและลูกค้ามีความสะดวกสบาย ที่สำคัญจะทำให้ระบบนิเวศทางธุรกิจนับตั้งแต่ผู้ประกอบการ คู่ค้า และซัพพลายเออร์เจ้าของสินค้าที่เข้ามาร่วมอยู่ใน Ecosystem ของโดนใจเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน โดยเป้าหมายระยะยาวบริษัทฯ วางเป้าเปิดร้านโดนใจให้เติบโตสู่ 30,000 ร้านค้า ภายในปี 2570 และพัฒนาโครงการโดนใจในเวียดนามเพื่อนำสินค้าไทยไปขายยังภูมิภาคอาเซียน สอดรับกับวิสัยทัศน์ บีเจซี ที่พร้อมเป็นผู้นำในตลาดโลกด้วยสินค้าอุปโภคและบริโภคที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ" ฐาปณี กล่าวทิ้งท้าย