"ไมเนอร์" ฝังวิกฤติโควิด! ลุยลงทุน-ขยายโรงแรม ปั๊มกำไร

"ไมเนอร์" ฝังวิกฤติโควิด! ลุยลงทุน-ขยายโรงแรม ปั๊มกำไร

“วิกฤติโควิด-19 จบลงแล้ว ถึงเวลาที่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมจะกลับมาเติบโต!” นี่คือคำบอกเล่าจากหนึ่งในกระบอกเสียงสำคัญของผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยอย่าง “วิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค” ประธานกรรมการ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT

MINT เป็นบริษัทที่ทำรายได้เมื่อปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด จาก 3 กลุ่มธุรกิจในเครือ ได้แก่ ไมเนอร์ โฮเทลส์, ไมเนอร์ ฟู้ด และไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ รวมกันได้มากถึง 129,061 ล้านบาท โกยกำไรสุทธิ 10,697 ล้านบาท ก่อนจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติโรคระบาดในรอบศตวรรษ!

“เราคาดหวังว่าภาคการท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและราบรื่น ได้รับการสนับสนุนที่ดีจากภาครัฐ หลังเห็นบรรยากาศการท่องเที่ยวฟื้นตัวดีอย่างมากในช่วงเทศกาลปีใหม่และตรุษจีนที่ผ่านมา”

ภาพรวมโรงแรมของ “เครือไมเนอร์” เองก็ฟื้นตัวอย่างน่าเหลือเชื่อ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลดังกล่าว แม้จะยังไม่มีนักท่องเที่ยวจีนกลับมา

อย่างไรก็ตาม ภาคท่องเที่ยวไทยยังคงรอการกลับมาของ “เที่ยวบินระหว่างประเทศ” ทั้งภายในภูมิภาคเอเชียและจากตลาดระยะไกล (Long Haul) ด้วยใจจดจ่อ โดยเฉพาะเที่ยวบินจาก “ประเทศจีน” เนื่องจากปัจจุบันเที่ยวบินยังไม่เพียงพอกับดีมานด์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

"ไมเนอร์" ฝังวิกฤติโควิด! ลุยลงทุน-ขยายโรงแรม ปั๊มกำไร

ดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ โฮเทลส์ ซึ่งปัจจุบันมีโรงแรมและรีสอร์ทในเครือทั้งหมดกว่า 530 แห่ง ใน 56 ประเทศ ติดอันดับ 22 ของเชนโรงแรมที่มีเครือข่ายมากที่สุดในโลก เล่าว่า สำหรับปี 2566 “กลุ่มธุรกิจโรงแรม” ในเครือไมเนอร์ฯควรจะมีผลการดำเนินงานที่ “ดีกว่า” ปี 2562 โดยมีรายได้เติบโต 20% เมื่อเทียบกับปีดังกล่าว และมีกำไรสุทธิเติบโต 10-15% ส่วนรายได้จาก “กลุ่มธุรกิจอาหาร” คาดเติบโต 7-10% เนื่องจากตลาดในประเทศจีนยังชะลอการเติบโต

ด้านกลยุทธ์ของ “กลุ่มธุรกิจโรงแรม” ซึ่งครองสัดส่วนรายได้ 75% ของรายได้ทั้งหมดในเครือไมเนอร์ทั้งในช่วงก่อนโควิด-19 ระบาดรวมถึงปัจจุบันนั้น บริษัทพร้อมผลักดันธุรกิจ “กลับสู่การเติบโต” (Back to Growth) อย่างเต็มรูปแบบ! ด้วยการวางแผนกลยุทธ์ 3 ปี มุ่งเน้นในการเสริมสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและขยายพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพและอัตราการทำกำไร การผนึกกำลังพันธมิตรเพื่อการเติบโต รวมทั้งการปรับปรุงศักยภาพด้านดิจิทัล บุคลากร และการพัฒนาอย่างยั่งยืน

หนึ่งในแนวทางสำคัญคือการร่วมลงทุน (Joint Venture : JV) กับกองทุนต่างๆ เพื่อนำเงินมาลงทุนขยายโรงแรมให้เติบโตตามแผนงานที่วางไว้ ขณะเดียวกันยังมองโมเดลขยายโรงแรมผ่านรูปแบบขายแฟรนไชส์ในต่างประเทศอีกด้วย ผ่าน 3 แบรนด์ ได้แก่ โอ๊คส์ เอ็นเอช และอวานี”

"ไมเนอร์" ฝังวิกฤติโควิด! ลุยลงทุน-ขยายโรงแรม ปั๊มกำไร

ทั้งนี้ บริษัทรุกขยายแบรนด์โรงแรมภายใต้ “เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป” (NH Hotel Group) ด้วยเป้าหมายสร้างการเติบโตในภูมิภาค “เอเชีย” และ “ตะวันออกกลาง” โดยเตรียมเปิดโรงแรมใหม่ 10 แห่งในปี 2566-2567 แบ่งเป็นแบรนด์ “เอ็นเอช คอลเลคชั่น” จำนวน 7 แห่ง และแบรนด์ “เอ็นเอช” จำนวน 3 แห่ง

เมื่อแยกเป็นรายจุดหมาย ลุยปักธงใน 4 ประเทศซึ่งล้วนเป็น “ตลาดแข็งแกร่ง” ได้แก่ จีน 5 แห่ง  สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 แห่ง กาตาร์ 1 แห่ง ส่วนในประเทศไทยอีก 2 แห่ง มีโครงการที่เพิ่งประกาศเปิดตัวคือ “เอ็นเอช คอลเลคชั่น ระยอง รีสอร์ท แอนด์ เรสซิเดนเซส” จำนวนห้องพักรวม 177 ห้อง จับกลุ่มนักท่องเที่ยวโซนตะวันออก และโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอย่าง “เอ็นเอช คอลเลคชั่น เชียงใหม่ ปิง ริเวอร์” จำนวนห้องพักรวม 78 ห้อง มีกำหนดเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในไตรมาส 4 ปีนี้ หลังจากประเดิมเปิดตัวแบรนด์ เอ็นเอช (NH) แห่งแรกในไทยและเอเชีย “เอ็นเอช โบ๊ท ลากูน ภูเก็ต รีสอร์ท” ไปเมื่อปลายปี 2565

"ไมเนอร์" ฝังวิกฤติโควิด! ลุยลงทุน-ขยายโรงแรม ปั๊มกำไร

หลังจากเมื่อปี 2561 เครือไมเนอร์ได้เข้าซื้อกิจการเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2521 หรือกว่า 45 ปีมาแล้ว ขณะนั้น เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป เป็นเชนโรงแรมที่มีเครือข่ายขนาดใหญ่ “อันดับ 6 ในยุโรป” มีจำนวนโรงแรม 325 แห่งทั่วยุโรปและอเมริกาใต้

โดยปัจจุบัน เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป มีโรงแรมกว่า 331 แห่ง ใน 31 ประเทศ ให้บริการ 3 แบรนด์ ได้แก่ 1.แบรนด์ เอ็นเอช (NH) เป็นแบรนด์โรงแรมระดับกลาง Upscale และ Midscale เน้นเรื่องความคุ้มค่าเงิน ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี เหมาะสำหรับนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว ปัจจุบันมี 230 แห่ง ใน 25 ประเทศ 2.แบรนด์ เอ็นเอช คอลเลคชั่น (NH Collection) เป็นแบรนด์โรงแรมระดับ Premium Upscale เน้นตั้งอยู่ในโลเกชันระดับไอคอน (Iconic Location) ในเมืองใหญ่ เน้นการมอบประสบการณ์แตกต่างแก่ผู้เข้าพัก ปัจจุบันมี 96 แห่ง ใน 21 ประเทศ และ 3.แบรนด์ นาว (nhow) เป็นแบรนด์โรงแรมระดับ Upper Upscale เน้นดีไซน์โดดเด่น มีลักษณะเฉพาะตัว ได้รับแรงบันดาลใจจากเมืองที่ตั้ง และตั้งอยู่ในเมืองขนาดใหญ่ มีความเป็นนานาชาติ ปัจจุบันมี 8 แห่ง ใน 6 ประเทศ

โดยทั้ง 3 แบรนด์ดังกล่าวใน เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 50% ของรายได้โรงแรมทั้งหมดในเครือไมเนอร์ เท่ากับสัดส่วนรายได้จากแบรนด์อื่นๆ ในเครือไมเนอร์ อาทิ อนันตรา อวานี เอเลวาน่า โอ๊คส์ และทิโวลี

“เครือไมเนอร์วางกลยุทธ์ขยายแบรนด์โรงแรมของเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป ซึ่งมีชื่อเสียงและโด่งดังในยุโรป ให้มาเติบโตในภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลาง ขณะเดียวกันก็ได้นำแบรนด์โรงแรม อนันตรา ซึ่งเป็นแบรนด์ดั้งเดิมของเครือไมเนอร์ที่มีชื่อเสียงในเอเชียไปบุกตลาดยุโรป เรียกได้ว่าเป็นการทำตลาดแบบไขว้กัน อาศัยฐานลูกค้าของแต่ละแบรนด์ที่มีอยู่แล้วในภูมิภาคนั้นๆ เพื่อสร้างการเติบโต”