จับตา 5 มรสุมเศรษฐกิจ! ฉุดค้าปลีกไทยฟื้นตัวไม่สมดุล

จับตา 5 มรสุมเศรษฐกิจ!  ฉุดค้าปลีกไทยฟื้นตัวไม่สมดุล

"ค้าปลีก" ชงรัฐหนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบนอน-สต็อป หลังประเมินการฟื้นตัวปี 2566 ขาดสมดุล เจอ "มรสุมเศรษฐกิจ" อย่างน้อย 5 ลูกใหญ่

แม้สถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายลงทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก พร้อมสัญญาณบวกผู้คนกลับมาใช้ชีวิตปกติ มีการเดินทาง ท่องเที่ยว ระหว่างประเทศ มากขึ้น แต่ "ปัจจัยลบ" ยังมีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมค้าปลีกไทยไม่สดใสนัก 

ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ภาพรวมค้าปลีกไทยอยู่ในช่วงฟื้นตัวที่ไม่เท่ากันหรือขาดสมดุล (K-Shaped Recovery) อีกทั้งต้องเผชิญกับมรสุมเศรษฐกิจอย่างน้อย 5 ลูก!

ผู้ประกอบการต้องเตรียมตัว เตรียมความพร้อมตั้งรับ "มรสุมเศรษฐกิจ" 5 ลูก ประกอบด้วย

1.ภาวะเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยเพิ่มสูง

2.ภาวะหนี้ครัวเรือนสูงที่เป็น ตัวฉุดการบริโภค

3.ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับขึ้นสูงต่อไป

4.การกลับมาระบาดของโควิด-19

5.การปรับเพิ่มของ ค่าแรง-แรงงานขาดแคลน 

"มรสุมเศรษฐกิจ" ดังกล่าวจะส่งผลโดยตรงที่ทำให้ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่กำลังซื้อยังคงอ่อนแรงและเปราะบาง

"ผู้ประกอบการจึงควรเตรียมความพร้อมในการรับมือ ถอดรหัสการทำธุรกิจด้วยการลงมือปฏิบัติทันที พร้อมนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควบคู่กับการให้ความสำคัญกับความยั่งยืนหรือ ESG เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ เพราะอนาคตของค้าปลีกไทยในอีก 3 ปีข้างหน้าเราอาจไม่เห็นภาพค้าปลีกยุคเดิมอีกต่อไปแล้ว" 

 

ฉัตรชัย กล่าวต่อว่า สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ได้ร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำรวจความเชื่อมั่น (Retail Sentiment Index : RSI) ของผู้ประกอบการค้าปลีกประจำเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา พบว่า เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 7.2 จุด เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน

โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 และเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ส่งผลให้ความเชื่อมั่นต่อยอดขายสาขาเดิม (SSSG)  ยอดใช้จ่ายต่อครั้ง (Spending Per Bill หรือ Per Basket Size) และความถี่ของผู้ใช้บริการ (Frequency) ปรับเพิ่มขึ้น

หากพิจารณาตามประเภทร้านค้า พบว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการร้านค้าประเภทภัตตาคาร ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ปรับเพิ่มขึ้น

ขณะที่ร้านค้าประเภทวัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มีความเชื่อมั่นลดลง หลังมีการเร่งซื้อเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย

ด้านดัชนี RSI ช่วง 3 เดือนจากนี้ (มกราคม-มีนาคม) มีแนวโน้มปรับลดลง แต่ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 จากปัจจัยกดดันทั้งภาวะเงินเฟ้อที่ยังสูง กำลังซื้ออ่อนแอ หนี้ครัวเรือน มาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐที่ทยอยหมดลง แนวโน้มต้นทุนที่ปรับสูงขึ้นทั้งจากค่าวัตถุดิบ ค่าไฟฟ้า เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังพบว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมีลักษณะไม่สมดุล ( K-shape Recovery) สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ โดยธุรกิจ 30% ยังไม่ฟื้นตัวและคาดว่าจะสามารถฟื้นตัวได้ในปี 2567 ขณะที่ 11%  ฟื้นตัวแล้วในปี 2565 ส่วนที่เหลือคาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวและขยายตัวได้ในปี 2566

"มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่จะเข้ามาอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจต้องมีความหลากหลาย ตรงเป้าหมาย ไม่ซับซ้อน เน้นการเพิ่มกำลังซื้อแก่ผู้บริโภคฐานรากที่ยังอ่อนแอเพื่อกระตุ้นการจับจ่าย ส่วน ผู้บริโภคระดับบน และผู้มีรายได้ประจำที่มีกำลังซื้อต้องใช้มาตรการต่างชุดกัน"

ฉัตรชัย ย้ำอีกว่า รัฐต้องคลอดมาตรการที่ต่อเนื่องและระยะยาวจนกว่าจะเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจที่ชัดเจน

จับตา 5 มรสุมเศรษฐกิจ!  ฉุดค้าปลีกไทยฟื้นตัวไม่สมดุล

สำหรับ ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ "ประเมินการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการฟื้นตัวของธุรกิจค้าปลีก" ของผู้ประกอบการที่สำรวจระหว่างวันที่ 18-24 ธันวาคม 2565 มีดังนี้

ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประเมินว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคโดยรวมในไตรมาสที่ 4 ปี 2565 ปรับดีขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปีก่อนหน้า โดยธุรกิจมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น และธุรกิจ 57% มีสภาพคล่องเพียงพอมากกว่า 12 เดือน

62% ของผู้ประกอบการ ระบุว่า ธุรกิจขยายตัว

5% ของผู้ประกอบการ ระบุว่า ธุรกิจทรงตัว

33% ของผู้ประกอบการ ระบุว่า ธุรกิจหดตัว

ประกอบการส่วนใหญ่ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 5% และคาดว่ารายได้จะกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุดในปี 2567 

41% ตั้งเป้ายอดขาย มากกว่า 10%

37% ตั้งเป้ายอดขาย ระหว่าง 5- 10%

20% ตั้งเป้ายอดขาย ระหว่าง 1- 5%

2% ตั้งเป้ายอดขาย เท่าเดิม

ประเมินรายได้สู่ภาวะปกติของผู้ประกอบการ ผู้ประกอบการ  30% คาดว่าธุรกิจจะเข้าสู่ภาวะปกติ ต้องใช้เวลาถึงปี 2567 ธุรกิจถึงเข้าสู่ภาวะปกติก่อนเกิดโควิด

11% คาดเข้าสู่ภาวะปกติ ตั้งแต่ปี 2565

11% คาดเข้าสู่ภาวะปกติ Q1 2566

24% คาดเข้าสู่ภาวะปกติ Q2 2566

11% คาดเข้าสู่ภาวะปกติ Q3 2566

13% คาดเข้าสู่ภาวะปกติ Q4 2566

30% คาดเข้าสู่ภาวะปกติ ปี 2567

สำหรับปัจจัยที่มีความกังวลต่อการฟื้นตัวของธุรกิจในปี 2566

อันดับที่ 1 ต้นทุนสูงขึ้น

อันดับที่ 2 กำลังซื้อเปราะบาง

อันดับที่ 3 เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และ นักท่องเที่ยวมาต่ำกว่าที่คาด

อันดับที่ 4 มาตรการรัฐที่ทยอยหมดลง