ปี 65 ต่างชาติลงทุนไทยจำนวน 583 ราย เพิ่มขึ้น 2%

ปี 65  ต่างชาติลงทุนไทยจำนวน 583 ราย เพิ่มขึ้น 2%

พาณิชย์เผย ปี 65 ต่างชาติลงทุนในไทยจำนวน 583 ราย เพิ่มขึ้น 2% หอบเงินลงทุน 128,774 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% จ้างงานคนไทย 5,253 คน ญี่ปุ่นครองแชมป์ลงทุนมากสุด ตามมาด้วยสิงคโปร์ สหรัฐ ขณะที่ต่างชาติลงทุนในพื้นที่ EEC ปี 2565 มีจำนวน 119 ราย เงินลงทุน 52,879 ล้านบาท

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้รายงานผลการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ตลอดปี 2565 จำนวน 583 ราย เพิ่มขึ้น 2% โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 218 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 365 ราย เม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 128,774 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% จ้างงานคนไทย 5,253 คน ลดลง 4% โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 151 ราย สัดส่วน 26% เงินลงทุน 39,515 ล้านบาท สิงคโปร์ 98 ราย สัดส่วน 17% เงินลงทุน 15,893 ล้านบาท สหรัฐฯ 71 ราย สัดส่วน 12% เงินลงทุน 3,418 ล้านบาท ฮ่องกง 40 ราย สัดส่วน 7% เงินลงทุน 18,188 ล้านบาท และจีน 31 ราย สัดส่วน 5% เงินลงทุน 23,306 ล้านบาท

 

สำหรับธุรกิจที่ได้รับอนุญาตในปี 2565 ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ  นโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ และสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ เช่น บริการออกแบบ ก่อสร้าง ติดตั้ง และตรวจสอบระบบกักเก็บพลังงาน สำหรับโครงการโรงผลิตไฟฟ้าแบบผสมผสานสำหรับสนามบินอู่ตะเภา บริการขุดเจาะหลุมปิโตรเลียมภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย บริการขุดลอก ถมทะเล และก่อสร้างม่านดักตะกอนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ในโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Electric Vehicle Charging Station) สำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การให้คำปรึกษาแนะนำและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในอุตสาหกรรมการผลิตต่าง ๆ เป็นต้น บริการศูนย์กระจายสินค้าระหว่างประเทศด้วยระบบที่ทันสมัย บริการกิจการซอฟต์แวร์ประเภท Enterprise Software และ Digital Content

ส่วนการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ปี 2565 มีจำนวน 119 ราย คิดเป็น 20% ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด มูลค่าการลงทุน 52,879 ล้านบาท คิดเป็น 41% ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 47 ราย ลงทุน 24,738 ล้านบาท จีน 11 ราย ลงทุน 11,444 ล้านบาท และสิงคโปร์ 11 ราย ลงทุน 5,005 ล้านบาท ธุรกิจที่ลงทุน เช่น บริการศูนย์กระจายสินค้าระหว่างประเทศด้วยระบบที่ทันสมัย บริการ พัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นการออกแบบและพัฒนาระบบบริหารจัดการควบคุมการผลิตในโรงงาน และระบบบริหารจัดการสินค้าคงคลัง และบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชัน การอัปเกรดซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เป็นต้น

ทั้งนี้ เฉพาะเดือนธ.ค.2565 อนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย 53 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 20 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 33 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 16,308 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 245 คน ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน โดยมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนแก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีนิวเมติกส์ของเครื่องแขนกลทุ่นแรงสำหรับเคลื่อนย้ายและขนย้ายวัตถุองค์ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการทดสอบความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Compatibility : EMC) องค์ความรู้เกี่ยวกับการบำรุงรักษาอุปกรณ์ของเครื่องกังหันก๊าซ เป็นต้น
         
โดยธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาต ได้แก่ บริการทางวิศวกรรม โดยการทดสอบความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า การตรวจสอบและรับรองคุณภาพของผลิตภัณฑ์ในการปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การให้คำปรึกษาแนะนำและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในอุตสาหกรรมการผลิตต่าง ๆ เป็นต้น บริการ Cloud Services โดยเป็นการให้บริการในด้านซอฟต์แวร์ (Software-AS-A-Service) การให้บริการด้านแพลตฟอร์ม (Platform-AS-A-Service) และ การให้บริการด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Infrastructure-AS-A-Service) และบริการกิจการซอฟต์แวร์ประเภท Enterprise Software และ Digital Content