พาณิชย์เคาะประกันรายได้ข้าว งวดที่ 13 “หอมมะลิ”รับสูงสุด

พาณิชย์เคาะประกันรายได้ข้าว งวดที่ 13 “หอมมะลิ”รับสูงสุด

“พาณิชย์”เคาะจ่ายส่วนต่างประกันรายได้ข้าว งวดที่ 13 ราคาดีรับปีใหม่ จากผลผลิตน้อย ความต้องการข้าวส่งออกสูง เผย ข้าวเปลือกปทุมธานี - ข้าวเหนียว ราคาพุ่งเกินราคาประกัน

นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 งวดที่ 13 สำหรับเกษตรกรกว่าเจ็ดพันรายที่แจ้งวันเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่  31 ธ.ค. 2565 – 6 ม.ค. 2566

โดยมีราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและส่วนต่างชดเชย ดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ เกณฑ์กลางตันละ 14,022.95 บาท ชดเชยตันละ 977.05 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 13,678.70 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ เกณฑ์กลางตันละ 13,510.36 บาท ชดเชยตันละ 489.64 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 7,834.24 บาท ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 9,798.11 บาท ชดเชยตันละ 201.89 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 6,056.70 บาท

ทั้งนี้ ข้าวเปลือกปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางอ้างอิงงวดนี้สูงกว่าราคาประกัน จึงไม่มีการชดเชยส่วนต่างในงวดนี้ ดังนี้ ข้าวเปลือกปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 11,008.74 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาเป้าหมายที่ตันละ 11,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 12,491.98 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาเป้าหมายที่ตันละ 12,000 บาท

พาณิชย์เคาะประกันรายได้ข้าว งวดที่ 13 “หอมมะลิ”รับสูงสุด

สำหรับสถานการณ์ราคาข้าวช่วงนี้ ผู้แทนสมาคมโรงสีข้าวไทย ให้ข้อมูลว่า เนื่องจากปริมาณผลผลิตที่เกษตรกรนำมาจำหน่ายเริ่มมีปริมาณน้อยลง ทำให้ราคาข้าวในตลาดปรับตัวสูงขึ้น และ ผู้แทนสมาคมค้าข้าวไทย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงสอดคล้องกับราคาตลาด เนื่องจากตั้งแต่ช่วงก่อนปีใหม่จนถึงปัจจุบัน มีความต้องการซื้อข้าวสารโดยเฉพาะข้าวขาวจากทางผู้ส่งออกและผู้รวบรวมสินค้า ส่งผลให้ทั้งราคาต้นข้าวและปลายข้าวมีราคาสูงขึ้น ซึ่งเป็นไปตามกลไกตลาด เนื่องจากมีการสต็อกสินค้าของผู้ส่งออก จึงมีการปรับราคารับซื้อให้สูงขึ้น เพื่อให้ได้สินค้าสำหรับจัดเตรียมเพื่อการส่งออกตามคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ

“สถานการณ์ส่งออก ปี 2565 ที่ผ่านมาส่งออกได้ราว 7.7 ล้านตัน ซึ่งสูงกว่าปริมาณเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 7.5 ล้านตัน ส่วนสถานการณ์ส่งออก ปี 2566 มีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้น “

นายอุดม กล่าวว่า  ส่วนการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่าง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงภายใน 3 วันทำการ หรือภายในวันที่ 11 ม.ค. 2566 ผลการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่าง ณ วันที่ 4 ม.ค. 2566 ธ.ก.ส. ได้จ่ายเงินส่วนต่างให้เกษตรกรแล้ว ในงวดที่ 1 - 12 สำหรับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวภายในวันที่ 30 ธ.ค. 2565 จำนวน 2.572 ล้านครัวเรือน

การโอนเงินชดเชยส่วนต่างให้เกษตรกรที่ผ่านมา ที่มีกรณีโอนเงินไม่สำเร็จจากปัญหาด้านบัญชีเงินฝาก ซึ่ง ธ.ก.ส. ได้มีการติดตามแก้ไขปัญหาไประดับหนึ่งแล้วทำให้ยอดการโอนเงินให้เกษตรกรไม่สำเร็จลดลง แต่อย่างไรก็ตาม ขอให้เกษตรกรตรวจสอบบัญชีเงินฝากและติดต่อกับ ธ.ก.ส เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการรับเงินชดเชยส่วนต่างตามโครงการ เช่น กรณีปัญหา ชื่อ – สกุล ไม่ตรง บัญชีปิด บัญชีถูกอายัด หรือหากยังไม่มีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. ขอให้เกษตรกรติดต่อเปิดบัญชีใหม่กับ ธ.ก.ส. สาขาในพื้นที่ เพื่อ ธ.ก.ส. จะได้ดำเนินการโอนเงินให้แก่เกษตรกรได้ต่อไป

ทั้งนี้ กรมการค้าภายในได้เพิ่มการติดตามดูแลการซื้อขายข้าวเปลือก ทั้งในเรื่องของการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ รวมทั้งตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องชั่งน้ำหนักและเครื่องวัดความชื้น ซึ่งหากพบเห็นว่าท่าข้าวหรือโรงสีใด ไม่ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ กดราคารับซื้อ โกงน้ำหนัก หรือมีพฤติกรรมใดๆ ที่เป็นการเอาเปรียบชาวนา สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร 1569