MFEC จับมือ IBM พัฒนาโซลูชัน Digital Transformation

MFEC จับมือ IBM พัฒนาโซลูชัน Digital Transformation

MFEC ผนึก IBM ร่วมมือกันพัฒนาโซลูชัน Digital Transformation เสริมความมั่นใจในการสร้างคุณค่าจากข้อมูล ด้วย AI & Data Governance, Cybersecurity & Data Security และ Sustainability

การทำ Digital Transformation ไม่ใช่เรื่องใหม่ ซึ่งในปัจจุบันมีการต่อยอดนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาตอบโจทย์ให้กับธุรกิจองค์กรทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ฉากทัศน์ของการทำ Digital Transformation ไม่ได้เป็นเพียงแค่การสร้างคุณค่าใหม่ๆ ให้กับธุรกิจ แต่ยังเป็นการสร้างความยั่งยืนและมั่นคงให้กับธุรกิจด้วยเช่นกัน

เพื่อให้ธุรกิจองค์กรไทยสามารถทำ Digital Transformation ได้อย่างยั่งยืนและมั่นใจ ทาง MFEC และ IBM จึงได้ร่วมมือกันพัฒนาโซลูชันที่ต่อยอดการทำ Digital Transformation เพิ่มเติมใน 3 แง่มุม ได้แก่ AI & Data Governance, Cybersecurity & Data Security และ Sustainability เพื่อให้โครงการ Digital Transformation ที่เคยดำเนินการไปแล้ว หรือมีแผนจะริเริ่มใหม่ สามารถเสริมความมั่นคงและสร้างความยั่งยืนในการทำธุรกิจและการร่วมกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมได้

ธนกร ชาลี (Chief Operating Officer) บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) และ ภาวศุทธิ ศรีวิโรจน์ (Software Leader) IBM Thailand จะพาไปเจาะลึกกับแต่ละโซลูชันที่ MFEC และ IBM ได้พัฒนาร่วมกัน เพื่อให้ธุรกิจองค์กรไทยได้มีทางเลือกใหม่ในการเสริมศักยภาพให้กับธุรกิจและตอบโจทย์ความยั่งยืนได้ในระยะยาว

1. AI & Data Governance : ควบคุมและกำกับการใช้งานข้อมูลและ AI Model ให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้

ในปัจจุบัน Data และ AI เป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมใหม่และปรับกระบวนการในการทำงานให้เป็นอัตโนมัติ ดังนั้นโครงการ Digital Transformation จำนวนมากจึงเกี่ยวข้องกับการใช้ Data และ AI ในภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ โดยมี AI เป็นหัวใจสำคัญในการให้บริการนำ Data ของธุรกิจมาวิเคราะห์เพื่อประกอบการตัดสินใจโดยทีมบริหารหรือตัดสินใจโดยอัตโนมัติด้วย Software ไปจนถึงการนำ Data และ AI มาใช้ตอบสนองลูกค้าโดยอัตโนมัติ

เมื่อเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า AI และ Data สามารถสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจได้อย่างมหาศาล ทุกธุรกิจองค์กรที่ทำ Digital Transformation โดยอาศัย 2 ปัจจัยนี้ จึงต้องให้ความสำคัญต่อการควบคุมและกำกับการใช้ AI และ Data ในธุรกิจ ซึ่งแนวทางนี้ คือ AI & Data Governance

MFEC ในฐานะของผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีชั้นนำที่มีลูกค้าเป็นธุรกิจและองค์กรขนาดใหญ่จำนวนมาก ได้เห็นถึงความสำคัญของการทำ AI & Data Governance ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความมั่นคงและโปร่งใสให้กับธุรกิจในระยะยาว จึงได้ร่วมมือกับ IBM ในการนำโซลูชัน IBM AI Governance มาปรับใช้ในการทำ Digital Transformation

IBM AI Governance เป็นโซลูชันที่ทำงานอยู่บน IBM Cloud Pak for Data ซึ่งจะช่วยจัดระเบียบ Data และ AI Model ของธุรกิจโดยอัตโนมัติ ติดตามและตรวจสอบข้อมูล Data Set และ Model ต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาและใช้งาน เพื่อให้ธุรกิจสามารถติดตามและตรวจสอบได้ง่าย นอกจากนี้ยังทำเอกสาร Documentation ประกอบให้โดยอัตโนมัติ ช่วยให้ Data Scientist สามารถมุ่งเน้นไปยังการนำ Data Set ใหม่ มาใช้งานและพัฒนา AI Model ใหม่ ได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องพะวงกับการทำเอกสารเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้อื่นนำไปใช้งานต่อยอดหรือทำการตรวจสอบ ด้วยคุณสมบัติดังนี้

AI Visibility ช่วยให้ธุรกิจเห็นภาพรวมของ AI Model ทั้งหมดที่ถูกสร้างขึ้น แบบ Real-Time ที่ครอบคลุมทั้งสถานะการพัฒนา การทดสอบ การใช้งานจริง ไปจนถึงคุณภาพและ Bias ที่เกิดขึ้นใน AI Model เพื่อให้ปรับปรุงได้อย่างต่อเนื่อง

  • Enterprise AI Monitoring ช่วยให้ Data Scientist สามารถติดตามที่มาของ AI Model แต่ละชุดได้ ตั้งแต่ขั้นตอนการพัฒนา การติดตั้งใช้งาน ไปจนถึงการตรวจสอบความแม่นยำ พร้อมระบุชุดข้อมูลที่เกี่ยวข้องและรายงานที่จำเป็นต่อการ Audit
  • Manage Risk & Regulation ระบบสำหรับการทำ Governance, Risk & Control (GRC) แบบครบวงจรสำหรับ AI Model ช่วยให้ธุรกิจสามารถมั่นใจได้ว่า ขั้นตอนการพัฒนาไปจนถึงการใช้งาน AI Model เป็นไปตามข้อกฎหมายของประเทศไทยหรือข้อกำหนดทางอุตสาหกรรม และสามารถตรวจสอบเรื่อง Bias ความโปร่งใส และที่มาของ AI Model ได้อย่างชัดเจน

ทั้งนี้ MFEC จะรับบทบาทของผู้ให้คำปรึกษาด้านการทำ AI & Data Governance สำหรับธุรกิจองค์กรที่ใช้งานข้อมูลหรือ AI Model เพื่อประยุกต์ใช้ IBM AI Governance ในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพและอัตโนมัติมากที่สุด ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างคุณค่าใหม่ๆ จาก Data และ AI ได้อย่างมั่นใจ เป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมายและอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ MFEC มีเทคโนโลยีที่ได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถแปลงข้อมูลภาษาไทยที่มีอยู่ให้พร้อมสำหรับการทำ Digital Transformation และ Big Data Analytics ด้วยการใช้เทคโนโลยี Data Cleansing ที่ปรับแต่งขึ้นสำหรับภาษาไทยโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถทำงานร่วมกับโซลูชันของ IBM ได้เป็นอย่างดี ตอบโจทย์ด้านการทำ AI และ Data ได้ตามความต้องการ

2. Cybersecurity & Data Security : เสริมความมั่นคงปลอดภัยให้ข้อมูลที่ใช้ในการทำ Digital Transformation

การทำ Digital Transformation ทุกโครงการล้วนต้องอาศัยเทคโนโลยีด้าน IT เป็นองค์ประกอบหลัก และต้องใช้ข้อมูลสำคัญซึ่งอาจมีความละเอียดอ่อน ดังนั้น MFEC และ IBM จึงต้องการช่วยธุรกิจลดความเสี่ยงในการถูกโจมตีจากผู้ไม่ประสงค์ดีหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ ด้วยการเสริมด้าน Cybersecurity และ Data Security ให้กับธุรกิจองค์กร ด้วยเหตุนี้ MFEC จึงนำ IBM Guardium และ IBM Security QRadar เข้ามาช่วยตอบโจทย์ให้กับธุรกิจองค์กร

IBM Guardium คือโซลูชันด้าน Data Security สำหรับการตรวจสอบและเสริมความมั่นคงปลอดภัยให้กับข้อมูลโดยเฉพาะ ด้วยความสามารถที่หลากหลาย เช่น

  • Automated Data Discovery & Classification ค้นหาข้อมูลใน Data Center หรือบน Cloud ของธุรกิจโดยอัตโนมัติ และนำมารวบรวม จัดหมวดหมู่ และประเมินความเสี่ยง เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการหรือเสริมความมั่นคงปลอดภัยให้กับข้อมูลที่กระจัดกระจายอยู่ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
  • Data Monitoring & Protection ตรวจสอบความมั่นคงปลอดภัยและปกป้องข้อมูล ด้วยการเข้ารหัสข้อมูล (Encryption) และระบบบริหารจัดการกุญแจการเข้ารหัส (Key Management) โดยสามารถติดตามสถานะความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลได้แบบ Real-Time พร้อมแจ้งเตือนและจัดการกับความเสี่ยงโดยอัตโนมัติในตัว
  • Data Compliance สอบเทียบความมั่นคงปลอดภัยและการปกป้องข้อมูลทั้งหมดกับข้อกฎหมายและข้อบังคับตามมาตรฐาน เช่น PCI DSS, SOX, HIPAA, GDPR และ CCPA โดยอัตโนมัติ เพื่อให้ธุรกิจมั่นใจได้อยู่เสมอว่าข้อมูลที่มีอยู่เดิมและข้อมูลใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในระบบนั้น จะมีความมั่นคงปลอดภัยในระดับที่ต้องการ และถูกปกป้องด้วยแนวทางที่เหมาะสมอยู่เสมอ
  • Data Risk Prioritization & Investigation วิเคราะห์ความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นกับข้อมูลแต่ละชุด พร้อมจัดลำดับความรุนแรงของความเสี่ยงให้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้ธุรกิจสามารถจัดการกับความเสี่ยงเหล่านั้นได้ทันที พร้อมสามารถทำงานร่วมกับระบบ SOC และ Ticketing System ได้ ทำให้จัดการความเสี่ยงได้อย่างเป็นระบบ และผสานเข้ากับ Workflow ที่มีอยู่เดิม ของธุรกิจได้อย่างไร้รอยต่อ

IBM Security QRadar คือระบบ Extended Detection and Response (XDR) ที่ทำงานอยู่บน IBM Cloud Pak for Security ซึ่งสามารถตรวจจับและยับยั้งภัยคุกคามโดยอัตโนมัติได้ทั้งภายใน Data Center ขององค์กรและบน Cloud เพื่อปกป้องระบบ IT Infrastructure และ Digital Service ทั้งหมดของธุรกิจองค์กรได้จากศูนย์กลาง

แนวคิดของ IBM Security QRadar คือ การรวบรวมข้อมูลเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระบบ IT ทั้งหมด เพื่อนำมาวิเคราะห์หาภัยคุกคามที่แอบแฝงในแต่ละระบบ เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของแต่ละเหตุการณ์เพื่อสรุปเป็นข้อมูลของภัยคุกคามแต่ละครั้ง และแจ้งเตือนผู้ดูแลด้าน Cybersecurity ของธุรกิจ หรือผสานระบบเพื่อให้ระบบต่างๆ สามารถตอบสนองและรับมือกับภัยคุกคามเหล่านั้นได้ทันที ทำให้ไม่ว่าในโครงการ Digital Transformation ของธุรกิจจะมีการใช้งานเทคโนโลยีใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น AI, Data, Cloud, Server, Network และ Security หรือแม้แต่ IoT การปกป้องระบบเหล่านั้นจากภัยคุกคามก็เป็นไปได้เสมอ

MFEC ในฐานะที่เป็นพันธมิตร IBM มาอย่างยาวนานและเป็นผู้ให้บริการด้านไอทีที่มีผู้เชี่ยวชาญด้าน Cybersecurity จำนวนมากเป็นลำดับต้นของประเทศ สามารถให้คำแนะนำ คำปรึกษา วิเคราะห์สาเหตุ และแก้ไขปัญหาด้วยความเชี่ยวชาญในด้าน Cybersecurity และ Solution IT ระดับ Enterprise พร้อมทั้งออกแบบระบบความปลอดภัยให้ลูกค้าระดับประเทศในหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการเงิน ธนาคาร สาธารณูปโภค โดยผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัย มามากกว่า 20 ปี จึงพร้อมช่วยธุรกิจองค์กรปกป้องระบบ IT สำคัญในโครงการ Digital Transformation ทั้งหมดได้ด้วยโซลูชันทั้งสองของ IBM ดังกล่าว

3. Sustainability : เสริมความยั่งยืนให้กับการดำเนินธุรกิจ ปัจจัยใหม่ที่ไม่อาจมองข้าม

Sustainability เป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจจากธุรกิจองค์กรทั่วโลก ที่ไม่เพียงให้ความสำคัญเฉพาะกับการสร้างคุณค่าใหม่ๆ ให้กับธุรกิจเท่านั้น แต่ยังต้องสร้างความยั่งยืนให้กับโลก สิ่งแวดล้อม และผู้คน ดังนั้นประเด็นด้าน Sustainability จึงเป็นอีกเสาหลักสำคัญของโครงการ Digital Transformation ทั่วโลก

สำหรับธุรกิจองค์กรไทย Sustainability จะกลายมาเป็นอีกขีดความสามารถในการแข่งขันใหม่ที่จะมีความสำคัญต่อการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและระดับโลก เพราะคุณค่าของ Sustainability นี้จะสะท้อนทั้งผลประกอบการ กระบวนการทำงาน การสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์และบริการ ไปจนถึงภาพลักษณ์และการประชาสัมพันธ์ขององค์กร รวมถึงการส่งผลดีต่อสังคมโดยรวมและสร้างความเชื่อมั่นให้กับพนักงาน ผู้บริหาร ไปจนถึงนักลงทุน

ด้วยเหตุนี้ MFEC จึงได้ร่วมมือกับ IBM ผลักดันด้าน Sustainability ให้กับธุรกิจ ด้วยทีมงานและเทคโนโลยีที่จะเสริมด้าน Sustainability โดยมีการดำเนินงาน ดังนี้

  • Define กำหนดเป้าหมายด้าน Environmental, Social and Governance (ESG) ให้กับธุรกิจ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการวางกลยุทธ์ นโยบาย และแผนการดำเนินงานในระยะยาว
  • Establish เริ่มกำหนด Data ที่จำเป็นต้องรวบรวมจากธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ด้าน ESG ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลด้านวัตถุดิบ การผลิต การขนส่ง กระบวนการทำงาน ไปจนถึงการจัดการของเสียหรือการซ่อมบำรุงที่เกิดขึ้น
  • Operationalize ผสานรวมข้อมูล ESG Data เข้ากับกระบวนการทำงานเพื่อทำการปรับปรุงให้เกิดกระบวนการที่ตอบโจทย์ทั้งด้านประสิทธิภาพและความยั่งยืน ซึ่งมีการชี้วัดที่เหมาะสมและตรวจสอบได้

แนวทางดังกล่าวจะเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับธุรกิจในการเริ่มทำ ESG ในระยะยาว เพราะขั้นตอนแรกที่สำคัญคือ ความสามารถในการติดตาม การมีข้อมูลและความเข้าใจสถานะด้าน ESG ของธุรกิจในปัจจุบันให้ได้อย่างชัดเจน ก่อนจะนำไปสู่การดำเนินการในอนาคตที่จะเสริมสร้างความยั่งยืนได้

ทั้งนี้ MFEC และ IBM พร้อมที่จะช่วยธุรกิจ ต่อยอดไปสู่ความยั่งยืนในอนาคตได้ ด้วยการทำ ESG ใน 5 แกนหลัก ได้แก่

  1. Strategy การกำหนดกลยุทธ์และสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ที่สอดคล้องกับความยั่งยืน โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่สามารถติดตามตรวจสอบได้อย่างแม่นยำ
  2. ESG Reporting การรวบรวมข้อมูลเพื่อวิเคราะห์และทำรายงานด้านความยั่งยืน สำหรับธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อสร้างโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงธุรกิจไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต
  3. Asset Management การติดตามการใช้งานทรัพยากร การลดค่าใช้จ่าย และการเพิ่มคุณภาพการบริการ เพื่อให้ธุรกิจก้าวสู่การเป็น Low-Emission Business ได้อย่างแท้จริงในทุกการใช้ทรัพยากรที่เกิดขึ้นในแต่ละกระบวนการทำงาน
  4. Supply Chain การลดของเสีย การลดค่าใช้จ่าย และการหมุนเวียนทรัพยากรใน Supply Chain ให้ดีขึ้น เพื่อสร้าง Supply Chain ที่ยั่งยืน
  5. Green IT การติดตามการใช้งานทรัพยากรด้านการประมวลผลอย่างจริงจัง เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงาน และยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น ไปจนถึงการนำแหล่ง พลังงานสะอาด มาใช้กับระบบ IT และการเลือกใช้อุปกรณ์ IT ที่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมที่น้อยที่สุด

จะเห็นได้ว่าความร่วมมือระหว่าง MFEC และ IBM สามารถช่วยให้ธุรกิจเริ่มดำเนินการด้าน ESG ได้อย่างเป็นระบบ และนำเทคโนโลยีมาใช้ได้อย่างเหมาะสม เพื่อสามารถทำ ESG ในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อข้อกฎหมายได้อย่างยืดหยุ่น

ดำเนินโครงการ Digital Transformation อย่างยั่งยืนและมั่นใจ ด้วยบริการ One Stop Service จาก MFEC และเทคโนโลยีชั้นนำจาก IBM ผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อทีมงาน MFEC ได้ที่เว็บไซต์ mfec, อีเมล [email protected], เบอร์โทร. 02-821-7999 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมโดย คลิกที่นี่