ปตท. เปิดแผนโรงงานแพลนท์เบส ลุยขนาด “เวิลด์สเกล” ยึดผู้นำภูมิภาค

ปตท. เปิดแผนโรงงานแพลนท์เบส ลุยขนาด “เวิลด์สเกล” ยึดผู้นำภูมิภาค

ปตท. เร่งธุรกิจโปรตีนจากพืช ตอกเสาเข็มโรงงานแพลนท์เบสใหญ่สุดในเอเชีย-แปซิฟิก กำลังการผลิตปีละ 3 พันตัน เดินเครื่อง มิ.ย.66  เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ลงทุนนวัตกรรมอาหารขนาดใหญ่ เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร “อรรถพล” หวังเป็นผู้นำของภูมิภาค

ธุรกิจ Life science เป็นหนึ่งในธุรกิจใหม่ของกลุ่ม ปตท.ที่มีเป้าหมายยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย ตอบโจทย์ความยั่งยืนด้านสุขภาพ ซึ่งกลุ่ม ปตท.วางแผนการลงทุนธุรกิจ Life science ไว้ 3 กลุ่มธุรกิจ คือ 

1.Nutrition ได้ร่วมลงทุนพัฒนานวัตกรรมอาหาร โดยบริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท.ได้ร่วมทุนกับบริษัทโนฟ ฟู๊ดส์ ที่เป็นย่อยของบริษัทเอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ตั้งบริษัท นิวทรา รีเจนเนอเรทีฟ โปรตีน จำกัด หรือ NRPT เพื่อลงทุนผลิตอาหารโปรตีนจากพืช

รวมทั้งลงทุนธุรกิจโภชนาการอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ และร่วมทุนกับ Plant & Bean (UK) โรงงานผลิตผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกในประเทศไทย

2.Pharmaceutical โดยร่วมลงทุนกับบริษัทผู้ผลิตยาสามัญชั้นนำจากไต้หวัน รวมถึงร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พัฒนานวัตกรรม “มณีแดง” ต้านเซลล์ชรา และลงทุนสร้างโรงงานผลิตยารักษามะเร็งในไทย

3.Medical Device & Technology โดยร่วมทุนกับ IRPC ตั้งโรงงานผลิตผ้าไม่ถักทอ (Non-woven Fabric) และลงทุนกับบริษัทนำวิวัฒน์ จำกัด ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องมือการแพทย์กลุ่มปราศจากเชื้อ

ลุยโรงงานขนาด “เวิลด์สเกล”

สำหรับความคืบหน้าล่าสุดของธุรกิจ Nutrition ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2565 โรงงานผลิตอาหารโปรตีนจากพืชครบวงจร Plant & Bean (Thailand) ได้มีการเปิดหน้าดินเพื่อเริ่มก่อสร้างโรงงานเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2565 ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และมีกำลังการผลิต 3,000 ตันต่อปี ซึ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การร่วมลงทุนตั้ง NRPT เพื่อลงทุนผลิตอาหารโปรตีนจากพืช เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ธุรกิจ Life science ที่ครอบคลุม 3 ธุรกิจ ทั้ง Nutrition, Pharmaceutical และ Medical Device & Technology และปัจจุบันมีความคืบหน้าทั้ง 3 กลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่ม Nutrition ที่เปิดหน้าดินเริ่มสร้างโรงงานแล้ว

“ปตท.ตั้งใจให้โรงงานแห่งนี้มีขนาด World scale เพราะในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิคยังไม่มีโรงงานที่มีกำลังการผลิตระดับนี้ และแนวโน้มความต้องการสินค้าเพื่อสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้เรามั่นใจในการลงทุน และมั่นใจที่จะเป็นผู้นำของธุรกิจนี้ในภูมิภาค โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรจากอังกฤษที่มีเทคโนโลยีมาร่วมดำเนินงาน” นายอรรถพล กล่าว

ก่อสร้างเสร็จ ก.ค.2566

รายงานข่าวจาก ปตท.ระบุว่า โรงงานดังกล่าวจะมีกำลังการผลิต 3,000 ตันต่อปี ซึ่งเป็นโรงงานผลิตอาหารโปรตีนจากพืชใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมรองรับมาตรฐานฮาลาลและมาตรฐานความปลอดภัยอาหารสากลจากสมาคมผู้ค้าปลีกแห่งสหราชอาณาจักร (The British Retail Consortium : BRC) โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย.2566 พร้อมวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ในปีหน้า

ในพิธีเปิดหน้าดินครั้งนี้มีผู้บริหารเข้าร่วม เช่น นายบุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด พร้อมด้วยนายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF และประธานกรรมการบริษัท โนฟ ฟู๊ดส์ จำกัด 

ทั้งนี้ บริษัท NRPT เป็นการถือหุ้นร่วมกันระหว่างอินโนบิกและโนฟ ฟู้ดส์ ฝ่ายละ 50% โดยตั้งเมื่อวันที่ 16 ส.ค.2564 ทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจโปรตีนจากพืช ซึ่งเป็นอาหารเพื่อสุขภาพแห่งอนาคตที่จะเพิ่มความมั่นคงทางอาหาร และสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตรไทย รวมทั้งลดภาวะโลกร้อนได้ โดยช่วงแรกได้จำหน่ายอาหารโปรตีนจากพืชที่ร้าน “alt. Eatery” ซึ่งตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 51 และอีกส่วนจำหน่ายในร้าน Texas Chicken

เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค

นายบุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด กล่าวว่า การพัฒนาผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืชถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาในกลุ่มธุรกิจอาหารเพื่อโภชนาการและโภชนเภสัช ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่อินโนบิกได้ตั้งเป้าหมายไว้ โดยความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการนำเทคโนโลยีจากต่างประเทศที่สามารถผลิตโปรตีนจากพืชให้มีเนื้อสัมผัส รสชาติ และรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์จริงมาตั้งสายการผลิตที่ประเทศไทย เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจในสุขภาพ ตลอดจนผู้ประกอบการที่สนใจนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ

อีกทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่การผลิตอาหารแห่งอนาคต (Food for Future) ของประเทศ สอดคล้องวิสัยทัศน์ใหม่ที่มุ่งขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคตของกลุ่ม ปตท. (Powering Life with Future Energy and Beyond) นอกจากนี้ ยังเป็นการสนับสนุน และผลักดันยุทธศาสตร์ประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางทางด้านนวัตกรรมด้านอาหารเพื่อสุขภาพของอาเซียนอีกด้วย

มีลูกค้า“เพลนท์เบส”ทั่วโลก

“ปีหน้ากำลังผลิตจะขึ้นมาที่ 3,000 ตันทันที เพราะเรามีลูกค้าทั่วโลก โรงงานนี้ทำวัตถุดิบเพื่อป้อนทั้งในประเทศและส่งออก ผลิต OEM ตัววัตถุดิบที่เป็นตัวเนื้อเทียม หมูเทียม ไส้กรอกเทียม จะมีรสชาติที่อร่อยเสมือนเราทานเนื้อจริงๆ ต่างจากการทานอาหารเจ โดยรับจ้างตามสูตรที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งข้อดีคือพาร์ทเนอร์มีการช่วยหาลูกค้าและลูกค้าหลายรายตอนนี้รอเพียงโรงงานเสร็จเท่านั้น”

อย่างไรก็ตาม หากเที่ยบกับการบริโภคเนื้อสัตว์ก็จะต้องปลูกพืชให้สัตว์กิน และสัตว์เล็กก็โดนสัตว์ใหญ่กินกลายเป็นห่วงโซ่อาหาร แต่การที่เราบริโภคพืชโดยตรง จะลดการสูญเสียห่วงโซ่อาหาร นอกจากนี้ ยังสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วย เพราะสัตว์เมื่อกินพืชก็จะมีการปลดปล่อยของเสียต่าง ๆ ออกมาจากเช่น ผายลม หรือ เรอ เป็นต้น นำไปสู่เรื่องการยั่งยืน ช่วยให้ห่วงโซ่อาหารสั้นลง อีกข้อดี ผู้บริโภคก็จะมีสุขภาพที่ดีขึ้น เพราะพืชเป็นโปรตีนที่ไม่มีไขมัน ส่วนใหญ่พืชจะไม่มีสารตกค้าง อย่าง แอนตี้ไบโอติก (Antibiotic) เป็นต้น

“พาร์ทเนอร์เรามีเทคโนโลยีในการดึงส่วนผสมเข้ามา ถือเป็นฟิวเจอร์ฟู้ดเทคโนโลยี อีกทั้งข้อดีตอนนี้ราคาโปรตีนจากพืชแข่งขันได้กับโปรตีนจากสัตว์ที่ค่อนข้างแพงกว่าพืช โดยเบื้องต้นโปรตีนที่ได้ คือ ถั่วเหลืองจากการนำเข้าจากต่างประเทศ แต่ต่อไปในอนาคตจะพยายามพัฒนาให้เป็นพืชที่สามารถปลูกและผลิตได้ในประเทศ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรในประเทศไทย อาทิ ส่วนผสมจากถั่วเหลือง ข้าวโพด ที่เป็นพืชไร่ของประเทศไทยอันนี้จะต้องใช้นวัตกรรมมาเกี่ยวข้องด้วย"

ลงทุนเบื้องต้น 500-600 ล้านบาท

สำหรับงบลงทุนเบื้องต้นอยู่ที่หลัก 500-600 ล้านบาท โดยขณะนี้ตัวโรงงานอาจจะต้องปรับปรุงและพัฒนาให้เข้ากับเทรนด์พลังงานสะอาดมากขึ้น เพื่อให้มีความทันสมัยเป็นโรงงานสีเขียว อาจจะต้องเพิ่มในเรื่องของพลังงานจากโซลาร์ ซึ่งอาจจะต้องใช้งบลงทุนอีกก้อนหนึ่ง แต่หลัก ๆ แล้วภายในโรงงานก็จะต้องมีมาตรฐาน เพราะบริษัทฯ ได้วางแผนในเรื่องของการส่งออกด้วย

กลุ่ม ปตท.มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ Life Science เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน โดยการมุ่งเน้นดำเนินการลงทุนใน ธุรกิจยา ธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ และ ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ มีวิสัยทัศน์คือก้าวขึ้นเป็นบริษัท Life Science ชั้นนำในภูมิภาค ด้วยนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์อันเป็นเลิศ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี”