รมว.คลัง ยันไม่ต่อ "คนละครึ่งเฟส 6" ออกมาตรการพิเศษเป็นของขวัญปีใหม่ปชช.

รมว.คลัง ยันไม่ต่อ "คนละครึ่งเฟส 6" ออกมาตรการพิเศษเป็นของขวัญปีใหม่ปชช.

รมว.คลัง ยันไม่ต่อ "คนละครึ่งเฟส 6" ชี้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวแล้ว แต่จะยังมีมาตรการช่วยเหลืออื่นๆเป็น "ของขวัญปีใหม่" ให้ประชาชน

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2565 ความคืบหน้ากรณีโครงการ "คนละครึ่งเฟส 6" เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง​ ชี้ไม่จำเป็นต้องมีโครงการ "คนละครึ่ง" อีก หลังการบริโภคภายในประเทศฟื้นตัวได้ดีขึ้น แต่จะยังคงมีมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ ออกมาเป็น "ของขวัญปีใหม่" ให้ประชาชนแทน

 

 

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง​ กล่าวว่า ​เศรษฐกิจ​ไทยในปี​หน้า 2566 เชื่อว่าจะขยายตัวได้ ​3.5 - 4% และการส่งออกจะเติบโต ​3-5% จากปีนี้ที่ส่งออกเติบโตได้​ 8​% ตามที่หอการค้าไทยประเมินไว้​ เพราะเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง​ ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2565​ หลังผ่อนคลายจากมาตรการโควิด-19 และกลับมาเปิดประเทศ ทำให้การบริโภคและการท่องเที่ยวฟื้นตัวดีขึ้น​

ดังนั้นจึงเห็นว่าสำหรับโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 6 หรือ "คนละครึ่งเฟส 6" ไม่มีความจำเป็นต้องมีอีก เพราะการบริโภคฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องแล้ว แต่ยังคงมีมาตรการส่วนอื่นๆ ที่จะเป็นของขวัญปีใหม่ 2566 ให้แก่ประชาชน ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อเสนอจากหน่วยงานที่เกี่ยว และหนึ่งในมาตรการพิเศษนี้จะมีมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการ "ลดหย่อนภาษี" ในปีหน้าด้วย

 

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง​ กล่าวต่ออีกว่า ทั้งนี้ในส่วนภาครัฐจะเร่งเดินหน้าลงทุน​โครงสร้างพื้นฐาน เพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์​ ลดต้นทุนการขนส่งให้ภาคเอกชน โดยประเมินว่าประเทศไทยจำเป็นต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ในช่วง 8 - 10 ปี เป็นมูลค่า 5 ล้านล้านบาท​ อาทิ ด้านสาธารณูปโภค​ พลังงาน​ เป็นต้น ​ซึ่งจะระดมทุนจากการออกพันธบัตรเงินกู้ และงบประมาณภาครัฐ

 

ขณะที่ นายสนั่น​ อังอุบลกุล​ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นเข้าใจดีหากรัฐบาลจะไม่มีโครงการคนละครึ่งอีกในช่วงปลายปี เพราะงบประมาณมีจำกัด ซึ่งงบประมาณต่างๆ ก็มาจากภาษีประชาชน

 

ทั้งนี้เชื่อว่าในช่วงการเลือกตั้งที่จะต้องเปลี่ยนผ่านรัฐบาล คงไม่เกิดสูญญากาศด้านนโยบาย เพราะเรื่องปากท้องควรเป็นเรื่องแรกที่ให้ความสำคัญ ซึ่งเศรษฐกิจของประเทศเวลานี้เชื่อว่ากำลังจะดีขึ้น และจะขยายตัวได้ถึง 3.5 - 4% ในปีหน้า