วิสัยทัศน์ “ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ” รวมพลังกูรูตลาด ปั้นแบรนด์ “ไทย” ผงาดโลก

นอกจากขับเคลื่อนบรรษัทพลังงานแห่งชาติ อีกบทบาท “ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ” ได้รับคือการนั่งตำแหน่ง “นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย” ที่เจ้าตัวคลุกคลีอยู่แล้วเป็นเวลานาน

ทว่า หลังนั่งเก้าอี้นายกสมาคมการตลาดฯ ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ดร.บุรณิน เพิ่งมีโอกาสเปิดวิสัยทัศน์ แนวทางขับเคลื่อนแวดวงธุรกิจการตลาดของไทยให้เท่าทันการณ์เปลี่ยนแปลงของโลก รวมถึงการรวมพลังนักการตลาดเพื่อยก “ประเทศไทย” ให้ก้าวเป็นแบรนด์ดังในสายตาโลก เป็นแบรนด์ระดับแชมป์เปี้ยนในด้านต่างๆ โดยเฉพาะหมุดหมายของนักท่องเที่ยวมาเยือน เพื่อเป็นเครื่องยนต์สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความมั่งคั่งให้ประชาชนในชาติ

เนื่องจากจังหวะการ ฉายวิชั่นของ “ดร.บุรณิน” เกิดขึ้นหลังการประชุมสุดยอดผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC 2022 จึงมีควันหลงจากการที่ผู้นำ รองผู้นำชาติมหาอำนาจไปเยือนเดสทิเนชั่นอาหารการกิน แหล่งท่องเที่ยวของไทย อย่าง “เอ็มมานูเอล มาครง” ประธานาธิบดีฝรั่งเศส พร้อมด้วยเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ไปสัมผัสสตรีทฟู้ดของไทยที่ถนนเยาวราช และ “คามาลา แฮร์ริส” รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เยือนตลาดอตก. เพื่อซื้อพริกแกง และอาหารอื่นๆ

“เอ็มมานูเอล มาครง” ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ไปสัมผัสสตรีทฟู้ดของไทยที่เยาวราช 

ในมิติการตลาด สะท้อนว่าประเทศไทยยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่ Unseen พร้อมให้นักเดินทางทั่วโลกไปสัมผัส อีกด้านผู้คนในประเทศมีความเป็นมิตร ยิ่งกว่านั้นคือ “ความปลอดภัย” สำหรับผู้มาเยือนท่ามกลางฝูงชนมากมาย แม้ผู้นำไปยังสถานที่ต่างๆ จะมีทีมงานรักษาความปลอดภัยประกบก็ตาม

ที่สำคัญ “ผู้นำ” ชาติมหาอำนาจต้องการเรียนรู้ สัมผัสวัฒนธรรมของไทยอย่างใกล้ชิด หากหน่วยงานต่างๆนำไปวางกลยุทธ์ยังต่อยอดให้ “เอสเอ็มอี” เป็นการช่วยธุรกิจของคนตัวเล็กให้เติบโตด้วย ซึ่งภาพรวมที่เกิดขึ้น “ทรงพลัง” สำหรับไทยอย่างยิ่ง ในการปั้น “แบรนด์ประเทศ”

“ถือเป็นความคุ้มค่าอย่างยิ่ง แม้มิติหนึ่งไทยคือลูกค้าของประเทศเขา แต่ในภาวะที่อ่อนไหว สะท้อนถึงความเป็นมิตรระหว่างประเทศ”

การประชุม APEC ที่ผ่านมา “ดร.บุรณิน” ยังมองเห็น “ผู้นำ” ประเทศต่างๆ สวมบทเป็น “นักการตลาด” มากขึ้นด้วย

เมื่อการตลาดสำคัญ แต่การจะขับเคลื่อนธุรกิจสร้างการเติบโตในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสูง “นักการตลาด” ต้องปรับตัว พลิกกระบวนท่าอยู่เสมอ หมดยุคปล่อยอาวุธ หมัดเดียว “น็อก” กลุ่มเป้าหมายอีกต่อไป

แล้วเทรนด์การเปลี่ยนแปลงยุคใหม่ที่ภาคธุรกิจต้องรู้ เพื่อรับมือมีอะไรบ้าง “ดร.บุรณิน” และคณะกรรมการอำนวยการของสมาคมการตลาดชุดใหม่ ระดมสมอง วิเคราะห์โลกการตลาดยุคใหม่ 7 ประเด็น ได้แก่ 1. การตลาดยุคใหม่ไร้เส้นแบ่ง โลกยุคไม่แบ่งเส้นกันอีกต่อไป ผู้บริโภค นักการตลาด และพนักงานขายหรือ Human อยู่ตรงกลางพร้อมเชื่อมการค้าขายเข้าไปอยู่ในชีวิตหรือ On-Live Marketing

2.นักการตลาดไม่ใช่แค่ชื่อตำแหน่งอีกต่อไป โดย “นิยาม” ของนักการตลาด และการตลาดต้องเปลี่ยน เพราะทุกคนล้วนเป็นนักการตลาด สร้างความเชื่อมั่นให้แบรนด์ ผู้บริโภคได้ ตัวอย่าง “ผู้นำ” ที่มาประชุม APEC ได้แสดงบทบาทดังกล่าวให้เห็น 3.อายุตัวและอายุงาน ไม่ได้เป็นตัวกำหนดตำแหน่งอีกต่อไป แต่ความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ มีบทบาทสำคัญต่อการก้าวหน้าในตำแหน่งการงานของโลกยุคใหม่ จึงเกิดภาพบริหารระดับสูงอายุน้อยลง คนวัยเกษียณยังทำงานบทบาทอื่น

4.ขนาดขององค์กรไม่ได้เป็นตัวกำหนดความสำเร็จ การเปิดวิสัยทัศน์ ปรับกลยุทธ์ เปลี่ยนผลลัพธ์ คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ ตัวอย่าง ช่วงโควิด บริษัทยักษ์ใหญ่ ได้ไอเดียจากสตาร์ตอัพเพื่อช่วยให้ฝ่าวิกฤติได้ ส่วนสตาร์ตอัพยุคนี้ มีแค่ไอเดีย งานวิจัยแนวคิดพัฒนาธุรกิจไม่พอ เพราะ End Game ต้องต่อยอดสร้างยอดขายได้ ต้องพึ่งพาองค์กรใหญ่ เพราะเงินไม่ได้มีท่วมตลาดเหมือนในอดีตแล้ว

“ธุรกิจใหญ่ต้องการไอเดียจากคนตัวเล็ก ส่วนธุรกิจขนาดเล็กต้องการการบริหารจัดการเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนจากบริษัทใหญ่”

5.การสร้างคุณค่า จะนำไปสู่มูลค่า ยุคนี้ Value Creation สำคัญมาก ทั้งมิติของสินค้า บริการ และแบรนด์ 6.การตลาดบนฐานของเทคโนโลยี เพราะเทคโนโลยีช่วยเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ลดต้นทุน รวมถึงข้อมูล(Data) ติดอาวุธการทำตลาดให้แม่นยำขึ้น และ7.จาก Meta สู่ Metta + Mitri นอกจากโลกเทคโนโลยี การตลาดต้องก้าวสู่ยุคแห่งความเป็นมิตร มีความเมตตาและไมตรี หรือ“เกื้อกูล” กันมากขึ้น คนตัวใหญ่ช่วยคนตัวเล็ก เพื่อโลก สิ่งแวดล้อมและสังคม

“ยุคนี้เป็นการตลาดแบบทุกคนเติบโตไปด้วยกัน”