หนุน ‘เศรษฐา’ นั่งนายกรัฐมนตรีแก้เศรษฐกิจ

‘กรุงเทพธุรกิจ’ สำรวจความคิดเห็น ซีอีโอองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่หลากหลายกลุ่ม เช่น ภาคการผลิต เกษตร พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ ส่งออก การเงิน ค้าปลีก ไอทีดิจิทัล ภาคบริการ ท่องเที่ยว ถึงภาพรวมการเมืองไทยที่ “ซีอีโอ” อยากเห็น

‘กรุงเทพธุรกิจ’ สำรวจความคิดเห็น ซีอีโอองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่หลากหลายกลุ่ม เช่น ภาคการผลิต เกษตร พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ ส่งออก การเงิน ค้าปลีก ไอทีดิจิทัล ภาคบริการ ท่องเที่ยว ถึงภาพรวมการเมืองไทยที่ “ซีอีโอ” อยากเห็น โดยเฉพาะแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี คนต่อไป และนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องดำเนินการทันที การสำรวจครั้งนี้ มีซีอีโอนักธุรกิจร่วมตอบทั้งหมด 502 คน ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ตั้งแต่ระหว่างวันที่ 16-20 พ.ย.65

จากผลสำรวจพบว่า ซีอีโอเกินครึ่ง (58.2%)  หนุน “เศรษฐา ทวีสิน” นั่งนายกรัฐมนตรีมากที่สุด รองลงมา “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” 10.5% แพทองธาร ชินวัตร มาอันดับสาม 7.7% ตามด้วย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ 6.5% และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 6.1% ขณะที่แกนนำตั้งรัฐบาล ซีอีโอ หนุน “เพื่อไทย” ให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมากที่สุดเกือบ 60% รองลงมา คือ พรรคก้าวไกล 15.6% ภูมิใจไทย 5.8% พลังประชารัฐ 4.1% และสร้างอนาคตไทย 3.5%
โดย 5 ปัญหาเร่งด่วนที่ซีอีโอต้องการให้แก้มากที่สุด คือ ปัญหาเศรษฐกิจ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% รองลงมาคือ การแก้ความยากจน ลดความเลื่อมล้ำ 58.7%ปรุงปรุงกฎหมายด้านเศรษฐกิจดิจิทัลที่ทันสมัย 45.2%ดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศ 44.2%พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟเร็วสูงท่าเรือน้ำลึก ขณะที่ ซีอีโอเกิินครึ่งย้ำว่า ปัญหาเร่งด่วนมากที่สุดที่ควรแก้ทันที คือ ปัญหาเศรษฐกิจ

รัฐบาลคุมได้ทั้งใน-นอกสภา


นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองหลังการประชุมเอเปค 2022 คงใกล้เข้าสู่โหมดการเตรียมการเลือกตั้ง เพราะรัฐบาลใกล้ครบวาระในเดือน มี.ค.2566 โดยสถานการณ์การเมืองหลังเอเปค มองเป็น 2 ส่วน คือ
1.การเมืองในสภาจะมีบางประเด็นที่รัฐบาลต้องให้คำตอบที่ชัดเจน และหาทางออก 2.การเมืองนอกสภา คิดว่าไม่มีประเด็นปัญหาอะไร ที่จะนำไปสู่ความรุนแรง อาจจะมีชุมนุมเรียกร้องบ้าง แต่เชื่อว่าไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น เพราะใกล้เข้าสู่การเลือกตั้งแล้ว
นายสนั่น กล่าวว่า ส่วนนายกฯ คนใหม่นั้น เห็นว่า ควรมุ่งเน้นเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องปากท้องของประชาชน มาเป็นลำดับแรก นอกจากนั้น ต้องสามารถรักษาเสถียรภาพของรัฐบาล เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ เป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อย และเป็นประโยชน์กับประเทศชาติมากที่สุด สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทยและต่างชาติ ซึ่งจะนำไปสู่การดึงดูดการลงทุนในระยะยาว 
ดังนั้น จึงถือเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคน ที่ต้องออกมาแสดงพลัง หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น เพื่อนำไปสู่การเลือกนายกรัฐมนตรีที่เหมาะสมที่สุดต่อไป
สำหรับเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการในช่วงนี้ คือ การมีแผนฟื้นเศรษฐกิจในปีหน้า ซึ่งเชื่อว่าจะทยอยฟื้นตัวดีขึ้นเป็นลำดับ ดีขึ้นมากกว่าเศรษฐกิจโลกที่หลายคนมองว่าจะชะลอตัว

 

แนะปลายรัฐบาลเร่งแก้ค่าครองชีพ


ทั้งนี้  เพื่อเป็นการเร่งการฟื้นตัวควรตรึงราคาพลังงานจนจบไตรมาสที่ 4 เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วงนี้ รวมทั้งเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากภาวะค่าครองชีพที่สูง สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่หลายคนกังวล ก็เริ่มกลับเข้ามาเป็นปกติมากขึ้นแล้ว และเชื่อมั่นว่า ธปท.ยังสามารถดูแลทั้งเรื่องค่าเงิน และอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้
ขณะเดียวกัน นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่เคยใช้ในปี2565จะต้องเริ่มปรับให้ใช้ตรงกลุ่มเป้าหมายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องกระตุ้นเหมือนเดิม เนื่องจากที่ผ่านมาไทยใช้เม็ดเงินไปในเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย หากเศรษฐกิจในปีหน้าเริ่มเดินได้ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการกระตุ้นเท่าปีนี้


หนุนรัฐบาลดันข้อสรุปเวทีเอเปค


นอกจากนี้ หลังการประชุมผู้นำความร่วมมือเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ภาคธุรกิจเอกชนต้องใช้ประโยชน์จากการประชุมเอเปคครั้งนี้ให้เร็วที่สุดโดยเฉพาะการแสวงหาโอกาส เพื่อขยายการค้าและการลงทุนอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันภาครัฐเองต้องติดตามงานของแต่ละกระทรวง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อเสนอหรือผลสรุปจากการประชุมเอเปคเช่นการเจรจาเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (FTAAP) ซึ่งกระทรวงต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ ต้องเร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม สานต่อประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น เป็นต้น

 

มั่นใจเศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อได้


นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่าในภาคการส่งออกนั้นไม่ว่าสถานการณ์การเมืองจะเป็นอย่างไร การส่งออกของไทยยังดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง หากไม่เรื่องของการปิดสนามบินการปิดท่าเรือ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มากและส่งผลกระทบในภาคต่างๆ รวมไปถึงภาคการส่งออกด้วย
ทั้งนี้หลังการประชุมเอเปค 2022  รัฐบาลควรเร่งนำข้อตกลง หรือผลประชุมที่เป็นข้อสรุปของเอเปคนำมาปฏิบัติให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะในการผลักดันเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (BCG)มาดำเนินการให้เป็นรูปธรรมทั้งแผนระยะสั้นและระยะยาว เพราะเรื่องนี้ตอบโจทย์วาระของโลกในเรื่องโลกสีเขียว ทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน
รวมถึงการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งเห็นว่าอาหารไทยถือเป็นจุดขายที่ดีควรเร่งส่งเสริมซอฟพาวเวอร์ให้ได้มากที่สุดเพราะไทยไม่ใช่มีจุดขายเพียงแค่อาหาร