ไทยยูเนี่ยน เข้าถือหุ้น 50 % อีเจียร์ ไอซ์แลนด์เสริมแกร่งตลาดอียู

ไทยยูเนี่ยน เข้าถือหุ้น 50 % อีเจียร์ ไอซ์แลนด์เสริมแกร่งตลาดอียู

ไทยยูเนี่ยน เข้าถือหุ้น 50 เปอร์เซ็นต์ ใน อีเจียร์ ผู้นำการผลิตตับปลาคอดจากประเทศไอซ์แลนด์ ต่อยอดความแข็งแกร่งแบรนด์สินค้าไทยยูเนี่ยนในยุโรป

นายพอล รีแนน ประธานกรรมการบริหาร ภูมิภาคไทยยูเนี่ยน ยุโรป บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)   กล่าวว่า  ไทยยูเนี่ยน ประกาศปรับการลงทุนเชิงกลยุทธ์เป็นการถือหุ้น 50 เปอร์เซ็นต์ ใน อีเจียร์ ผู้นำการผลิตตับปลาคอดจากประเทศไอซ์แลนด์ เพื่อต่อยอดที่อีเจียร์ได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์สินค้าของไทยยูเนี่ยนในยุโรป

ไทยยูเนี่ยน เข้าถือหุ้น 50 % อีเจียร์ ไอซ์แลนด์เสริมแกร่งตลาดอียู ไทยยูเนี่ยน เข้าถือหุ้น 50 % อีเจียร์ ไอซ์แลนด์เสริมแกร่งตลาดอียู

                ทั้งนี้ตั้งแต่ ไทยยูเนี่ยนได้เข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ใน อีเจียร์ ซีฟู้ด ในปี 2562  อีเจียร์มีส่วนในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจให้กับแบรนด์ต่างๆ ของไทยยูเนี่ยน โดยเฉพาะแบรนด์คิง ออสการ์ และรูเก้น ฟิช รวมถึงธุรกิจของบริษัทในการรับจ้างผลิตให้กับลูกค้า

“การผลิตสินค้าพรีเมียมของอีเจียร์ทำให้แบรนด์คิง ออสการ์ และ รูเก้น ฟิช สามารถขยายธุรกิจตับปลาคอด ไปสู่ตลาดใหม่ๆ ที่มีความสนใจในผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากประเทศไอซ์แลนด์  บริษัทหวังว่าการเข้าถือหุ้น 50 เปอร์เซ็นต์ในครั้งนี้ จะช่วยขยายการเติบโตทางธุรกิจให้กับเราได้เป็นอย่างดี”

 

                เกอร์มันดิช พี เดวิดสัน ประธานกรรมการ บริษัท อีเจียร์ กล่าวว่า “การร่วมมือกันในครั้งนี้ นับเป็นก้าวที่สำคัญของแวดวงอุตสาหกรรมอาหารบรรจุกระป๋องของไอซ์แลนด์ การลงทุนของไทยยูเนี่ยนทำให้เราสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนได้ในช่วงเวลาหลายปีต่อจากนี้  และด้วยธุรกิจของไทยยูเนี่ยนที่มีความเข้มแข็งในตลาดยุโรปและตลาดอื่นๆ ทั่วโลก ทำให้เราสามารถขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์ตับปลาคอดคุณภาพเยี่ยมจากไอซ์แลนด์ออกไปได้”

                 ทั้งนี้ บริษัท อีเจียร์ จัดหาปลาคอดจาก Icelandic Responsible Fisheries ซึ่งเป็นโครงการการจัดทำประมงอย่างมีความรับผิดชอบในประเทศไอซ์แลนด์ และผลิตภัณฑ์ของบริษัทยังได้รับการรับรองจาก Marine Stewardship Council หรือ MSC ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับโลกในแวดวงผู้เชี่ยวชาญว่าเป็นเครื่องยืนยันความยั่งยืนของอาหารทะเลที่ดีที่สุด

ปัจจุบัน ไทยยูเนี่ยนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลกและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีเกินกว่า 141,000 ล้านบาท (4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และแรงงานทั่วโลกกว่า 44,000 คน ที่ทุ่มเทให้กับการบุกเบิกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สร้างสรรค์และยั่งยืน

 

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar, Hawesta และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ OMG MEAT เบลลอตต้า และมาร์โว่ นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอาหารภายใต้แบรนด์ UniQ®BONE และ UniQ®DHA และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพแบรนด์ ZEAvita

 

ไทยยูเนี่ยนมีเป้าหมายเพื่อสร้าง "การมีสุขภาพที่ดี และท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์, Healthy Living, Healthy Oceans" โดยให้ความสำคัญกับสุขภาพผู้คน ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ท้องทะเล เราภาคภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact: UNGC) พร้อมทั้งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF)

และได้รับเกียรติเป็นเป็นประธาน SeaBOS หรือ Seafood Business for Ocean Stewardship ไทยยูเนี่ยนดำเนินงานด้านความยั่งยืนโดยยึดหลักกลยุทธ์ SeaChange® ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ จากผลการประเมินงานด้านความยั่งยืนปี 2564 บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่เป็นปีที่ 8 ปีติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน