'กรมขนส่ง' หนุนยานยนต์ไฟฟ้า ประกาศลดเก็บภาษี 80%

'กรมขนส่ง' หนุนยานยนต์ไฟฟ้า ประกาศลดเก็บภาษี 80%

กรมการขนส่งทางบก เผยประกาศราชกิจจานุเบกษาฯ ลดภาษีประจำปีรถพลังงานไฟฟ้า 80% หนุนประชาชนหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้ามากขึ้นตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มีผลบังคับใช้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึง พระราชกฤษฎีกาลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า พ.ศ. 2565 ว่า กระทรวงคมนาคมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อตราเป็นพระราชกฤษฎีกา เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้รถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในประเด็นด้านอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต และเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) รวมทั้งแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อันเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ โดยพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

สำหรับสาระสำคัญของพระราชกฤษฎีกาลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ต้องเป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงาน ที่นำมาจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ในระหว่างวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 โดยให้ลดภาษี
ลงร้อยละ 80 อัตราที่กำหนดตาม (11) ของอัตราภาษีประจำปีท้ายกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ เช่น

รถเก๋งที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,800 กิโลกรัม ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 1,600 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 320 บาท

รถตู้ส่วนบุคคลที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,800 กิโลกรัม ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 800 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 160 บาท

รถจักรยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 50 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 10 บาท เป็นต้น

โดยการลดภาษีประจำปีเป็นระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่รถนั้นจดทะเบียน

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวทิ้งท้ายว่า กระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางบก ได้ดำเนินการออกมาตรการในการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 
ช่วยประหยัดค่าน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงประหยัดภาษีประจำปีให้กับเจ้าของรถได้อีกทางหนึ่ง ทั้งนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยกำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยในปี 65 มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาจดทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบก มีจำนวน 14,816 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 64 ในช่วงเวลาเดียวกันถึง 156.86% แสดงให้เห็นถึงความสนใจที่ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมาขึ้น