เซ็นทรัล-ซิกน่า เปิดชื่อห้างหรู "ลามาร์" ผงาดแบรนด์ใหม่แห่งยุโรปรอบ 80 ปี

เซ็นทรัล-ซิกน่า เปิดชื่อห้างหรู "ลามาร์" ผงาดแบรนด์ใหม่แห่งยุโรปรอบ 80 ปี

กลุ่มเซ็นทรัล-ซิกน่า เปิดชื่อ ลามาร์ (LAMARR) ห้างสรรพสินค้าสุดหรูแห่งใหม่แลนด์มาร์คใจกลางกรุงเวียนนา แรงบันดาลใจจากไอคอนฮอลลีวูดชาวออสเตรีย "เฮดี้ ลามาร์" หญิงที่งดงามที่สุดในโลก มอบความประทับใจเหนือระดับผ่านเอกลักษณ์สถาปัตยกรรม ประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ลักชัวรี่

การขยายอาณาจักรค้าปลีกของทุนสัญชาติไทยยักษ์ใหญ่ "กลุ่มเซ็นทรัล" ในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศยุโรปเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจาก "กลุ่มเซ็นทรัล" และพันธมิตร "ซิกน่า" ได้ประกาศลงทุนครั้งสำคัญในการสร้าง "แลนด์มาร์ค" แห่งใหม่ใจกลางกรุงเวียนนาเมื่อ 2 ปีก่อน

ล่าสุดได้จัดงานเลี้ยงฉลองประกาศชื่อห้างสรรพสินค้าภายใต้แบรนด์ใหม่นามว่า "ลามาร์" (LAMARR) โดยการเผยชื่อในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 80 ปี ที่ได้มีห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่แบรนด์ใหม่ถูกเปิดตัวขึ้นในยุโรป 

ห้างลามาร์ ได้แรงบันดาลใจจาก เฮดี้ ลามาร์ (Hedy Lamarr) นักแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูดในตำนานซึ่งเป็นไอคอนของชาวออสเตรีย ในยุคศตวรรษที่ 20 ผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้หญิงที่งดงามที่สุดในโลก

"ชื่อของห้างลามาร์จึงไม่เป็นเพียงแค่การรำลึกถึงเธอ แต่ยังเสมือนการนำพา เฮดี้ ลามาร์ กลับสู่อ้อมกอดของชาวออสเตรีย"

เซ็นทรัล-ซิกน่า เปิดชื่อห้างหรู \"ลามาร์\" ผงาดแบรนด์ใหม่แห่งยุโรปรอบ 80 ปี

ห้างลามาร์ เมืองเวียนนา นับเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งที่ 5 ของกลุ่มคาเดเว ซึ่งประกอบด้วย

ห้างคาเดเว (KaDeWe) เมืองเบอร์ลิน

ห้างโอเบอร์โพลลิงเกอร์ (Oberpolliger) เมืองมิวนิก

ห้างอัลสเตอร์เฮาส์ (Alsterhaus) เมืองฮัมบูร์ก

ห้างคาร์ช เฮาส์ (Carsch-Haus) เมืองดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี

เซ็นทรัล-ซิกน่า เปิดชื่อห้างหรู \"ลามาร์\" ผงาดแบรนด์ใหม่แห่งยุโรปรอบ 80 ปี

เซ็นทรัล-ซิกน่า เปิดชื่อห้างหรู \"ลามาร์\" ผงาดแบรนด์ใหม่แห่งยุโรปรอบ 80 ปี

เซ็นทรัล-ซิกน่า เปิดชื่อห้างหรู \"ลามาร์\" ผงาดแบรนด์ใหม่แห่งยุโรปรอบ 80 ปี เซ็นทรัล-ซิกน่า เปิดชื่อห้างหรู \"ลามาร์\" ผงาดแบรนด์ใหม่แห่งยุโรปรอบ 80 ปี

โดยงานเลี้ยงฉลองในครั้งนี้ได้มีแขกผู้มีเกียรติผู้มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล, มรกต ศรีสวัสดิ์ เอกอัครราชทูตไทยณ กรุงเวียนนา, โลดี้ ไรซ์ โลเดอร์ (Lodi Rice Loder) หลานสาวของเฮดี้ ลามาร์, แดเนียล กรีเดอร์ (Daniel Grieder) ประธานกรรมการบริหาร ฮิวโก้บอส และ แอร์เมเนจิลโด เซนญ่า (Ermenegildo Zegna) เจ้าของแบรนด์เซนญ่า เป็นต้น โดยได้เชิญ โทนิ การ์น (Toni Garrn) นางแบบชื่อดังระดับโลกมาร่วมเป็นพิธีกร

ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารของกลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า “ผมมีความภาคภูมิใจที่ห้างลักชัวรี่แห่งใหม่ของกลุ่มเซ็นทรัล ได้รับเกียรติให้ใช้ชื่อของ เฮดี้ ลามาร์ ผู้เป็นที่รักของทุกคนโดยเฉพาะชาวออสเตรีย ทั้งในฐานะไอคอนฮอลลีวูดที่โด่งดังระดับโลก และนักประดิษฐ์ผู้บุกเบิกซึ่งมีพรสวรรค์ไม่เหมือนใคร ความเพียบพร้อมโดดเด่นในหลากหลายแง่มุมของเฮดี้ ลามาร์ สะท้อนได้เป็นอย่างดีถึงเอกลักษณ์ของโปรเจกต์เวียนนาซึ่งนอกจากจะเป็นห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ชั้นนำระดับโลกแล้ว ยังจะสร้างความประทับใจเหนือระดับผ่านเอกลักษณ์ทางด้านสถาปัตยกรรม และการส่งมอบประสบการณ์ไลฟ์สไตล์แบบลักชัวรี่ที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้กับลูกค้า”

เซ็นทรัล-ซิกน่า เปิดชื่อห้างหรู \"ลามาร์\" ผงาดแบรนด์ใหม่แห่งยุโรปรอบ 80 ปี

เซ็นทรัล-ซิกน่า เปิดชื่อห้างหรู \"ลามาร์\" ผงาดแบรนด์ใหม่แห่งยุโรปรอบ 80 ปี

ทางด้าน อังเดร เมเดอร์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มคาเดเว กล่าวว่า  ห้างลามาร์ ถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่น่าภาคภูมิใจของเวียนนา และยังเป็นการต้อนรับ "เฮดี้" ผู้เป็นไอคอนคนสำคัญในบ้านเกิดของเธอ

"เฮดี้ทั้งฉลาด สวย น่าหลงใหล และยังได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกนอกจากนี้ เธอยังเป็นผู้สร้างตำนานที่ทำให้พวกเราโดยเฉพาะชาวเวียนนารำลึกถึงจวบจนปัจจุบัน"

เฮดวิก คีส์เลอร์ (Hedwig Kiesler) เกิดในปี พ.ศ. 2457 ที่กรุงเวียนนา และต่อมาในปี พ.ศ. 2476 เธอได้มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะนักแสดงจากบทบาทนำสมัยในภาพยนตร์เรื่องEcstasyก่อนที่จะเดินทางข้ามทวีปไปยังฮอลลีวูด ในปี พ.ศ. 2480 เธอได้เปลี่ยนชื่อเป็นเฮดี้ ลามาร์ ตามคำแนะนำของหลุยส์ บี. เมเยอร์ (Louis B. Mayer) ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ และ ผู้ร่วมก่อตั้งเอ็มจีเอ็ม (MGM)

"เฮดี้" เปิดตัวในฮอลลีวูดครั้งแรกกับภาพยนตร์เรื่อง Algiers ที่ทำให้เธอโด่งดังไปทั่วโลก ทั้งนี้ ชื่อของ เฮดี้ ลามาร์ ได้ถูกจารึกอยู่ที่Hollywood Walk of Fameในปี พ.ศ. 2503หนึ่งในประโยคเด็ดของเฮดี้ซึ่งเป็นที่จดจำก็คือ "เงินมีไว้ใช้ คนส่วนใหญ่เอาแต่ประหยัดเงินเพื่อเก็บไว้ให้คนอื่น เราควรใช้เงินเพื่อสร้างความสุขให้กับตัวเอง"

นอกจากความงามอันสะดุดตา และทักษะด้านการแสดงแล้ว "เฮดี้" ยังมีความสามารถในฐานะนักประดิษฐ์อีกด้วย ในช่วงของสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอได้มีส่วนร่วมในการคิดค้นวิธีส่งคลื่นวิทยุนำวิถีที่สามารถหลบหลีกการตรวจจับของฝ่ายตรงข้ามได้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่พัฒนามาเป็นไวไฟ และ บลูทูท ในเวลาต่อมา ทำให้ในปี พ.ศ. 2557 เฮดี้ ลามาร์ ได้รับการบรรจุชื่อใน National Inventors Hall of Fame

นอกจากนั้น นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 กรุงเวียนนาได้จัดให้มีรางวัล เฮดี้ ลามาร์ เพื่อมอบให้กับนักวิทยาศาสตร์สตรีที่มีผลงานโดดเด่นเพื่อรำลึกถึงอัจฉริยภาพของเธอ

ห้างลามาร์จะสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตและผลงานของ เฮดี้ โดยการออกแบบของ โอ.เอ็ม.เอ(O.M.A.)บริษัทสถาปนิกชื่อดัง และการจัดสรรของ ดาเนียล สเปอร่า(Danielle Spera)อดีตผู้อำนวยการของJewish Museumในกรุงเวียนนา โดยผู้มาเยือนจะได้สัมผัสบรรยากาศ และสามารถเข้าถึงชีวิตของเฮดี้ ในMuseum Caféบนชั้น 5 ของห้างลามาร์ และพบภาพบนโปรเจคเตอร์ ซึ่งเป็นภาพถ่ายหรือถ้อยคำของเธอตามจุดต่างๆ ภายในห้าง

โครงการมิกซ์ยูสแห่งนี้ตั้งอยู่บนที่ดินกว่า 4.5 ไร่ บนถนน มาเรียฮิลเฟอร์ สตรัส(Mariahilfer Straße)เมื่อแล้วเสร็จจะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยรวม 58,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย ห้างลามาร์ ห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ โรงแรมทอมป์สัน เวียนนา พร้อมพื้นที่สวนลอยฟ้าสีเขียวกว่า 1,000 ตารางเมตร ซึ่งได้รับการออกแบบให้เป็นลานอเนกประสงค์เพื่อสาธารณะ

โดย ห้างลามาร์ จะมี 8 ชั้น พื้นที่ 20,000 ตารางเมตร ส่วนโรงแรมทอมป์สัน เวียนนามี 150 ห้อง มุ่งเน้นการบริการด้านอาหารเป็นพิเศษเพื่อเป็นจุดหมายใหม่ของเหล่านักชิมและนักเดินทางโดยผู้มาเยือนสามารถนั่งรับประทานอาหารบนระเบียงทางเชื่อมระหว่างโรงแรมกับห้างลามาร์พร้อมชมบรรยากาศสวนลอยฟ้า ในส่วนของล็อบบี้สามารถเป็นจุดพบปะสังสรรค์ หรือนั่งทำงานแบบ co-working โดยรองรับได้ถึง 170 ที่นั่ง โรงแรมทอมป์สัน เวียนนา ได้ถูกออกแบบให้มีความร่วมสมัยและผสมผสานเอกลักษณ์ของเมืองเวียนนาไว้อย่างลงตัว

ห้างลามาร์ได้รวบรวมพันธมิตรลักชัวรี่แบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิ หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton), กุชชี่ (Gucci), พราด้า (Prada), โบเตก้า เวเนต้า (Bottega Veneta) และแบรนด์ชั้นนำของออสเตรีย พร้อมสินค้าเครื่องประดับ สินค้าตกแต่งบ้าน อาหาร บริการด้านสุขภาพและสปา รวมทั้ง พื้นที่ จัดกิจกรรม พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการศิลปะ มาไว้ในโครงการทั้งนี้ ห้างลามาร์และโรงแรมทอมป์สันคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดอย่างเป็นทางการ ในช่วงปลายปี พ.ศ.2567