"วัน แบงค็อก" ตอบรับนโยบายกรีนแบงค็อก 2030 หนุนกรุงเทพฯ ก้าวสู่มหานครยั่งยืน
"เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้" เปิดวิสัยทัศน์การพัฒนาพื้นที่สาธารณะใจกลางเมือง ชู "วัน แบงค็อก" โครงการมิกซ์ยูสระดับโลก ตอบรับโครงการกรุงเทพฯ เมืองสีเขียว 2030 พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดัน กรุงเทพฯ เมืองน่าอยู่
ในงานมหกรรมด้านความยั่งยืนระดับภูมิภาคในอาเซียน หรือ Sustainability Expo 2022 ได้ระดมความคิดในการร่วมค้นหาทางออกให้โลกสร้างสมดุลใหม่ให้พร้อมแนวทางพัฒนาด้านความยั่งยืน หนึ่งในนั้นคือการเสวนาในหัวข้อ "ปรับอนาคตเมือง เปลี่ยนอนาคตเรา" และ "A Place for All – One Bangkok’s Sustainable Public Realm"
วรวรรต ศรีสอ้าน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้พัฒนาและบริหารโครงการ วัน แบงค็อก ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมเสวนาในฐานะภาคเอกชน กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาโครงการของ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ว่า สอดคล้องกับนโยบายผังเมือง กทม. ที่ตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวเป็น 10 ตร.ม.ต่อคน ภายในระยะเวลา 7-8ปี ในมุมของภาคเอกชนอยากจะเข้ามีส่วนร่วมในการสนับสนุนภาครัฐเพื่อพัฒนาให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่ และสมบูรณ์มากขึ้น เพราะจากประสบการณ์ที่ทำการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ที่อายุการใช้งาน 30 ปีขึ้นไป ต้องวางโครงสร้างการพัฒนาโครงการให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยพยายามทำความเข้าใจปัญหา และแก้ไขให้เกิดความยั่งยืน
"จากสถิติพบว่า ทุกวันนี้ คนกรุงเทพฯ มีพื้นที่สีเขียว 3.54 ตารางเมตรต่อคน ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยในเอเซียตะวันออก มีค่าเฉลี่ย 66.2 ตารางเมตรต่อคน ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสิงคโปร์ 60 ตารางเมตรต่อคน ฮ่องกง 105.3 ตารางเมตรต่อคน หวังว่านับจากนี้ 8 ปีพื้นที่สีเขียว เพิ่มขึ้น10 ตารางเมตรต่อคน"
วรวรรต มองว่า โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดก็คือ "พื้นที่สาธารณะ" ซึ่งในกรุงเทพฯ มีทางสาธารณะน้อย มีแค่ 7% ของพื้นที่เมืองผู้คนสัญจรได้ เมื่อเทียบกับมาตรฐานที่ควรมีอยู่น้อย 20-25% ยกตัวอย่างในพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ซึ่งเป็นเมืองต้นแบบการพัฒนาเมืองมีทางสาธารณะถึง 47% เมืองที่มีความหนาแน่นอย่างนิวยอร์กมีทางสาธารณะ 28% ของพื้นที่เมือง แม้แต่โตเกียวที่ก็ยังมีทางสาธารณะ 20% ของพื้นที่เมือง
ในฐานะเอกชน สิ่งที่สามารถทำได้คือการพัฒนาพื้นที่ของตนเองให้เป็นพื้นที่ "เปิดโล่ง" มีพื้นที่ "สีเขียว" มากขึ้น พร้อมกับปรับปรุงพื้นที่ให้เอื้อต่อการเดินเท้าภายใต้สภาพแวดล้อมที่ดี เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนหันมาสัญจรด้วยการเดินเท้ามากขึ้น ถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนและกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เกิดกิจกรรมนอกสถานที่ ตลอดจนรณรงค์ให้ลดการใช้รถส่วนบุคคล หันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น
ที่ผ่านมา เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้มีแนวคิดในการพัฒนาโครงการที่ใสใจต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มพื้นที่สีเขียว โดยโครงการ "เดอะ ปาร์ค" โครงการไลฟ์สไตล์ มิกซ์ยูส ที่มีออฟฟิศและรีเทลอัจฉริยะภายใต้แนวคิด "Life Well Balanced" เป็นแบบอย่างของการสร้างพื้นที่สีเขียวในโครงการของภาคเอกชนเพื่อสาธารณะ โดยมีการปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่เป็นแนวตลอดหน้าอาคารที่อยู่บนพื้นที่ของโครงการเพื่อสร้างความร่มรื่นให้ถนนและทางเดิน รวมถึงนำพื้นที่ตลอดแนวด้านหน้าโครงการมาเป็นส่วนต่อขยายทางเดินเท้าที่มีอยู่ให้กว้างขวางภายใต้ภูมิทัศน์ที่ดีขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อผู้คนโดยรอบที่สัญจรไปมา
โครงการ "วัน แบงค็อก" โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจร พร้อมมาตรฐานคุณภาพสูง และใหญ่ที่สุดใจกลางเมืองกรุงเทพฯ บนถนนวิทยุ พระราม 4 ที่ให้ความสำคัญ 3 เรื่องหลักเพื่อการสร้างสรรค์เมืองแห่งอนาคต ได้แก่
- เข้าใจความต้องการของผู้คน (People Centric) โดยออกแบบให้มีพื้นที่เข้าถึงได้โดยคนทั่วไป เอื้อให้เกิดการมีส่วนร่วมในพื้นที่สาธารณะพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ รวมถึงลานอเนกประสงค์ขนาด 10,000 ตารางเมตรหรือประมาณ 6 ไร่ ทางเดินทั้งโครงการยาวกว่า 5 กิโลเมตร เพื่อสนับสนุนการใช้ชีวิตภายนอกอาคาร และการเดินทาง
- ยกระดับความยั่งยืน (Sustainability) โดยพื้นที่กว่า 50 ไร่ จากที่ดิน 104 ไร่ จะเป็นพื้นที่เปิดโล่งและพื้นที่สีเขียว มีแนวต้นไม้ให้ร่มเงายาว 2.6 กม. มีสวนกว้าง 40 เมตร ยาวตลอดแนวถนนวิทยุ และถนนพระราม 4 เพื่อเพิ่มการเข้าถึงและเชื่อมต่อพื้นที่เปิดโล่งกับสวนลุมพินี โดยตั้งเป้าเป็นโครงการแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการพัฒนาชุมชนแวดล้อมอย่าง LEED for Neighborhood Development ระดับ Platinum สำหรับการพัฒนาชุมชนแวดล้อมและมาตรฐานรับรองอาคาร WELL เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้อาคาร
- การใช้ชีวิตอย่างสมาร์ท (Smart City Living) ด้วยการสร้างประสบการณ์การใช้ชีวิตในสมาร์ทซิตี้ที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งผสานเทคโนโลยีอัจฉริยะในโครงการฯ เช่น ระบบไร้สัมผัส, วัน แบงค็อก โมบาย แอปพลิเคชัน, ระบบสาธารณูปโภคล้ำสมัย, การบริหารจัดการจราจร รวมถึงการรักษาความปลอดภัย ทั้งหมดถูกออกแบบเพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตของผู้คนและรองรับการดำเนินงานโครงการอย่างยั่งยืนในระยะยาว รวมทั้งสาธารณูปโภคส่วนกลาง เช่น ระบบจัดการพลังงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร และเปิดโอกาสให้มีพื้นที่เปิดโล่งมากขึ้น
นอกจากนี้ ในส่วนของผู้ร่วมเสวนาท่านอื่นๆ อย่าง ปาจริยา มหากาญจนะ ผู้อำนวยการสวนสาธารณะ 1 สำนักงานสวนสาธารณะสำนักสิ่งแวดล้อมกรุงเทพมหานคร มารับฟังและร่วมแชร์นโยบายแผนพัฒนาย่านและสภาพแวดล้อมเพื่อนำกรุงเทพฯไปสู่มหานครสีเขียว, ยศพล บุญสม กรรมการบริหาร บริษัท ฉมา จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบภูมิสถาปัตย์เพื่อสิ่งแวดล้อม และภาคภูมิ โกเมศโสภา ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืน ซึ่งทุกภาคส่วนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ควรสนับสนุนสร้างความเชื่อมโยงในระดับเครือข่ายระหว่างหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่ารัฐ เอกชน หรือชุมชน เพื่อนำไปสู่การค้นหาความเป็นไปได้ในการพัฒนาพื้นที่ในเมืองให้เป็นพื้นที่สาธารณะที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นการปรับอนาคตเมือง เปลี่ยนอนาคตเรา และนำกรุงเทพฯ ไปสู่การเป็นมหานครที่ยั่งยืน