การท่องเที่ยวคึกคัก! พบคนไทยแลกเปลี่ยนเงินตราเพิ่มขึ้น 73% ในเดือนกันยายน หลังประเทศญี่ปุ่นประกาศเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ

การท่องเที่ยวคึกคัก! พบคนไทยแลกเปลี่ยนเงินตราเพิ่มขึ้น 73% ในเดือนกันยายน หลังประเทศญี่ปุ่นประกาศเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ

หลังจากการประกาศเปิดประเทศยกเลิกวีซ่าและมาตรการกักตัวของประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และ ฮ่องกงในช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวต่างประเทศกลับมาคึกคักอีกครั้ง

ซึ่งแต่ละประเทศล้วนเป็นจุดหมายปลายทางที่คนไทยตั้งหน้าตั้งตารอคอยมาอย่างยาวนานตั้งแต่การแพร่ระบาดโควิด-19 ตลอดระยะเวลา 3 ปี ไม่ใช่เพียงแต่คนไทยเท่านั้น คนทั่วโลกต่างก็รอคอยที่จะกลับมาออกเดินทางสู่จุดหมายปลายทางที่ตัวเองชื่นชอบอีกครั้งเช่นกัน โดยรายงานสถิติจาก Trip.com เว็บออนไลน์บริการด้านการท่องเที่ยวชื่อดัง

พบว่าคนฮ่องกงมีคำสั่งซื้อในการเดินทางไปต่างเทศสูงขึ้น 400% และเลือกจุดหมายปลายทางยอดนิยมมากที่สุดก็คือญี่ปุ่นเมืองโอซาก้าสูงถึง 7,300% เมืองหลวงอย่างโตเกียว 1,385% รองลงมาก็คือประเทศเกาหลีใต้ 700% ประเทศไทย 628% และประเทศสิงคโปร์ 197% ในขณะที่คนไทยก็พร้อมที่วางแผนไปเที่ยวประเทศที่ตัวเองชื่นชอบเช่นเดียวกัน

คนไทยวางแผนท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงปลายปี

ถึงแม้ในปัจจุบันคนไทยยังออกเดินท่องเที่ยวต่างประเทศยังไม่มากนัก เพราะคนไทยส่วนใหญ่ชอบการเดินทางแบบอิสระมากกว่าการเดินทางแบบคณะทัวร์ อีกทั้งหลังจากการประกาศเปิดประเทศอาจจะยังเตรียมตัวท่องเที่ยวไม่ทันบวกกับยังไม่มีวันหยุดยาวในช่วงนี้ ซึ่งหลายคนใช้จังหวะในช่วงนี้ในการเตรียมตัววางแผนท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงวันหยุดยาวปลายปีนี้

โดยรายงานสถิติจาก YouTrip ผู้ให้บริการดิจิทัลวอลเล็ตรองรับหลายสกุล (Multi-currency wallet) ในเดือนกันยายน 2565 มีการแลกเปลี่ยนเงินตราสูงขึ้น 73% ซึ่งสกุลเงินที่คนไทยนิยมก็คือ สกุลเงินญี่ปุ่น (เยน) สูงขึ้นถึง 341%  รองลงมาก็คือสกุลเงินออสเตรเลีย (ดอลลาร์ออสเตรเลีย) สูงขึ้นถึง 77 % และ สกุลเงินอังกฤษ (ปอนด์) สูงขึ้นถึง 56% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีและตอกย้ำว่าคนไทยพร้อมและจะกลับมาเริ่มเดินทางอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้

การเดินทางปลายปีต้องเตรียมตัวอย่างไร

สำหรับการเดินทางไปเที่ยวในยุคที่ค่าเงินบาทอ่อนอย่างต่อเนื่องประมาณ 37.5-38 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าสูงสุดในรอบ 16 ปี ทำให้ผู้บริโภคใช้จ่ายท่องเที่ยวต่างประเทศแพงขึ้นในประเทศที่ค่าเงินแข็งกว่า รวมถึงความต้องการในการเดินทางของนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากการที่อัดอั้นจากสถานการณ์แพร์ระบาดโควิด-19 มาอย่างยาวนานเป็นระยะเวลา 3 ปี 

อีกทั้งต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นของสายการบินต่างๆ ในขณะที่สายการบินยังไม่สามารถเพิ่มปริมาณในการรองรับอุปสงค์การเดินทางที่มากขึ้นได้ในทันที ทำให้บางเส้นทางยังไม่มีตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัด หรือ ที่พักบางแห่งยังไม่พร้อมเปิดให้บริการ อีกทั้งโรงแรม ที่พัก และสายการบินต่าง ๆ ต้องการทำรายได้ชดเชยช่วงโควิดที่ผ่านมาอีกด้วย ราคาต่าง ๆ จึงปรับตัวสูงขึ้นมาก ในขณะที่มีความต้องการรองรับและพร้อมจ่ายในราคาที่สูงขึ้นทุกระดับ ตั้งแต่ที่พักแบบประหยัดจนถึงด้านหรูหรา ท่ามกลางสถานการณ์เงินเฟ้อทั่วโลก 

รายงานสถิติจาก OTA Insight ซึ่งเป็นบริษัทฐานข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมบริการด้านการจองที่พักโรงแรมรวมถึงบริการด้านการท่องเที่ยวต่าง ๆ พบว่าในหัวเมืองสำคัญ ๆ ทั่วโลก เช่น นครนิวยอร์คและ กรุงลอนดอน ราคาที่พักนั้นสูงกว่าปี 2562 ไปแล้ว หรือแม้แต่กรุงปักกิ่ง หรือนครเซี่ยงไฮ้ ที่มีการล็อกดาวน์เข้มงวดในปีที่ผ่านมาก ราคาที่พักก็ใกล้เคียงกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้ว

แต่ในขณะเดียวกัน ประเทศญี่ปุ่น จากตัวเลข ณ เดือนกันยายน 2565 ที่พักยังถูกกว่าช่วงก่อนเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดโควิดถึง 40% ซึ่งหลังจากการประกาศเปิดประเทศ ราคาคงเริ่มปรับตัวสูงขึ้นหลังจากนี้ จากที่เห็นได้จากตัวเลขการค้นหาตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้นภายในครึ่งเดือนหลังของเดือนกันยายนเทียบกับช่วงครึ่งเดือนแรก 27 เท่า สำหรับเมืองโอซาก้า และ 26 เท่า สำหรับเมืองเกียวโต  

สำหรับคนที่มีแผนการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงปลายปีนี้ ควรเริ่มจองสายการบินและที่พักล่วงหน้าเนิ่น ๆ เพื่อไม่ให้ต้นทุนในการเดินทางสูงเกินไป และยังมีวิธีในการประหยัด เช่น เลือกไปญี่ปุ่นหรือประเทศอื่น ๆ ที่ค่าเงินอ่อนเมื่อเทียบกับเงินบาท ล่าสุดถึงแม้รัฐบาลญึ่ปุ่นได้เข้าแทรกแซงเงินเยนด้วยเงินประมาณ 2 หมื่นล้านดอลล่าร์ หรือ 7.5 แสนล้านบาท แต่ก็เปิดโอกาสให้นักเก็งกำไรเข้าไปเก็งกำไรเช่นกัน ค่าเงินเยนต่อดอลล่าร์สหรัฐจึงกลับมาอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว 

นอกจากการล็อกเรทอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินล่วงหน้า หรือใช้ดิจิทัลวอลเล็ตรองรับหลายสกุล เช่น YouTrip ในการใช้จ่ายเพื่อได้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าแล้ว สามารถหาดีลหรือข้อเสนอพิเศษที่ออกมารองรับ เช่น เส้นทางการบินใหม่ของ Peach สายการบินสัญชาติญี่ปุ่นที่เปิดเส้นทางใหม่ กรุงเทพฯ - โอซาก้า โดยจะเริ่มบินช่วงสิ้นปีนี้ หรือการจองตั๋วเครื่องบิน ที่พักผ่านแพลตฟอร์มการจองต่าง ๆ ที่มีดีลพิเศษส่วนลดและเงินคืนให้ เช่น Agoda, Booking.com, Klook หรือ Trip.com โดยการจองผ่าน YouTrip Perks เป็นต้น

สำหรับนักธุรกิจ หลังจากการประกาศเปิดประเทศในช่วงนี้ยังมีงานมหกรรมแสดงสินค้าทยอยกันกลับมาจัดงานในประเทศญี่ปุ่น ประเทศฮ่องกง ประเทศไต้หวัน และประเทศอื่น ๆ ให้นักธุรกิจที่อยากจะต่อยอดธุรกิจในต่างประเทศคอยจับตาดูงานมหกรรมแสดงสินค้าที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้

และเนื่องจากการบริการด้านการเดินทางในตอนนี้ยังไม่พร้อมกลับมาเปิดบริการแบบเต็มรูปแบบมากนัก เช่น สายการบินเที่ยวบินน้อย หรือ ที่พักบางแห่งยังไม่พร้อมเปิดให้บริการ เป็นต้น ซึ่งนอกจากการอาจต้องเผื่อเวลาในการวางแผนล่วงหน้านานขึ้น เพื่อจองตั๋วเครืองบิน ที่พัก ก่อนจะถูกจับจองจนหมดแล้ว อาจต้องมีความยืดหยุ่นในเรื่องวันเดินทางมากขึ้นเช่นกัน

ปลายปีนี้ถือว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีสำหรับการเดินทางไปท่องเที่ยวหรือเดินทางเพื่อธุรกิจระหว่างประเทศอีกครั้ง เป็นสัญญาณที่ดีหลังจากหยุดชะงักจากสถานการณ์แพร์ระบาดโควิด-19 มาอย่างยาวนานเป็นระยะเวลา 3 ปี ทั้งนี้เตรียมตัวให้พร้อมทั้งการจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ซึ่งอาจต้องวางแผนมากขึ้นกว่าปกติ พร้อมเตรียมรับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น และบริหารอัตราแลกเปลี่ยนกับ YouTrip เพื่อความประหยัดในการใช้จ่ายท่องเที่ยวและต้นทุนที่ถูกกว่าในการทำธุระกิจระหว่างประเทศ