ดาวโจนส์ร้อนแรงพุ่ง 825 จุด หุ้นขึ้นยกแผง คลายกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย

ดาวโจนส์ร้อนแรงพุ่ง 825 จุด หุ้นขึ้นยกแผง คลายกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันอังคาร(4ต.ค.)พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยาน 825 จุด โดยหุ้นปรับตัวขึ้นทุกกลุ่ม ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 825.43 จุด หรือ 2.8% ปิดที่ 30,316.32 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้น  112.5 จุด หรือ 3.06% ปิดที่ 3,790.93 จุดและดัชนีแนสแด็ก บวก 360.97 จุด หรือ 3.34% ปิดที่ 11,176.41 จุด

การซื้อขายได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ หลังจากที่นักลงทุนกังวลก่อนหน้านี้ว่า การแข็งค่าของดอลลาร์จะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากต่างประเทศ

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรรัฐบาลที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ ซึ่งหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง

ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ทำให้บริษัทลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

ขณะเดียวกัน นักลงทุนลดคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนพ.ย. หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 58.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมวันที่ 1-2 พ.ย. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ให้น้ำหนักสูงถึง 68.1%

นอกจากนี้ นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักสู่ระดับ 41.5% ต่อการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมดังกล่าว

นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี

ด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 50.9 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 52.3 จากระดับ 52.8 ในเดือนส.ค.

ดัชนีภาคการผลิต ได้รับผลกระทบจากการหดตัวของคำสั่งซื้อใหม่ ซึ่งเป็นการหดตัวลงเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ ขณะที่การจ้างงานหดตัวเป็นครั้งที่ 4

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันศุกร์นี้