หอการค้าไทย ชี้ ปี 66 ภาคท่องเที่ยวดาวเด่นขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

หอการค้าไทย ชี้ ปี 66  ภาคท่องเที่ยวดาวเด่นขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

หอการค้าไทย ชี้ ปี 66 เศรษฐกิจไทยถูกท้าทายจากปัญหาเศรษฐกิจโลก คาดปีหน้าส่งออกไทยโต 2-3 % ชี้ ภาคท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยดันนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย 20 ล้านคนกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ขอรัฐบาลชุดใหม่มีเสถียรภาพ หนุนภาคเอกชนเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวในการสัมมนา Thailand Economic Outlook 2023 ในหัวข้อ ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ 2023 รอดหรือร่วง? ว่า  ปี2566 ถือเป็นปีที่ท้าทายของเศรษฐกิจไทยเพราะมีปัญหาทั้งเรื่องซัพพลายเชน พลังงานแพง สินค้าแพง อำนาจซื้อก็ลดลง ขณะที่ยุโรปก็มีปัญหาด้านพลังงาน  สหรัฐก็แก้ปัญหาเงินเฟ้อด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และยังมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอีก

ด้านจีนถือเป็นตัวแปรสำคัญ ส่วนจีนถือเป็นตัวแปรที่มีความสำคัญ เพราะใช้นโยบายซีโร่โควิด-19 ซึ่งส่วนตัวได้หารือกับทูตจีนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้ข้อมูลว่า คนจีนฉีดวัคซีนแล้ว 92% เหลือ 8% เท่านั้นที่ยังไม่ฉีดวัคซีน ทำให้รัฐบาลจีน นำโดยนายสีจิ้นผิง ประกาศในการใช้นโยบายซีโร่โควิดต่อ เพราะในช่วงที่ยังไม่ได้รับการเลือกตั้งของจีน ในวันที่ 16 ต.ค.นี้ ที่จะมีการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์ หลังจากนั้นหากได้รับการเลือกตั้งแน่นอน ส่วนนี้จะเป็นสิ่งสำคัญ โดยเศรษฐกิจจีนดีขึ้น แก้ความยากจน และเรื่องต่างๆ ถือเป็นผลงานของผู้นำคนก่อน ทำให้ความเป็นผู้นำของสีจิ้นผิง ถือมีความสำคัญมาก หากในปี 2566 หากเศรษฐกิจจีนจะโต จะต้องมีมาตรการต่างๆ อาทิ แก้ปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์ การแก้ปัญหาน้ำท่วม เพื่อทำให้เศรษฐกิจจีนโตขึ้นอีก และไทยจะได้รับอานิสงส์การเติบโตร่วมด้วย

สำหรับการส่งออกของไทยในปีนี้คาดการณ์ไว้ว่าน่าจะโต  6-8 %  ผ่านมา 7 เดือนส่งออกไทยขยายตัวแล้ว 11 % ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพราะเจอปัญหามากแต่เราก็แก้ไขไปได้  สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งก็คือการสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศ แล้วจะสามารถเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ โดยในปีหน้าเราคงพึ่งการส่งออกอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะคาดว่า  ปีหน้าการส่งออกไทยจะขยายตัวเพียง 2-3 %  แต่ภาคการท่องเที่ยวจะฟื้นและเป็นดาวเด่นในปีหน้า โดยปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศประมาณ 9 ล้านคน แต่ปีหน้าทางหอการค้าและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่า นักท่องเที่ยวต่างประเทศ จะมีประมาณ  20 ล้านคน ซึ่งไม่รวมกับประเทศจีนที่คาดว่านักท่องเที่ยวจีนไม่ต่ำกว่า 7 ล้านคน และคาดว่า จะทำรายได้เข้าประเทศประมาณ 1.73 ล้านล้านบาท  อย่างไรก็ตามเราคงต้องเร่งการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรอง หรือจังหวัดที่ไม่ใช่จังหวัดหลักในด้านการท่องเที่ยว ต้องทำให้เกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวมากขึ้น เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถเติบโตได้แบบทั่วประเทศ โดยสิ่งที่เห็นคือ ปัญหาเรื่องการขนส่งโลจิสติกส์ ที่เป็นสิ่งสำคัญต้องเร่งแก้ปัญหา

ด้านภาคเกษตรของไทยในปีนี้ ก็ไปด้วยดีเพราะได้รับอานิงสงค์จากเงินบาทอ่อน และความต้องการอาหารทั่วโลก โดยในปีหน้าก็น่าจะดีต่อเนื่องแต่ต้องเร่งส่งเสริมให้ทำอย่างไรให้ทำให้เกษตรกรมีรายได้เลี้ยงตัวเองได้ เป็นเกษตรมูลค่าสูง ขณะที่ด้านการลงทุน ที่จะเป็นตัวสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย สิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการดึงดูดการลงทุน ซึ่งมีสัดส่วนจีดีพีถึง 40 % แต่ปัจจุบันลดลงเหลือ 10 %   ส่งผลให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยลดลงถึง 5 อันดับ ดังนั้นเราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ดึงดูดการลงทุนได้ เพราะหากเศรษฐกิจเติบโตเพียง 2-3 % คงไม่สามารถดึงดูดการลงทุนได้

 

 “ปีนี้ไทยเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปคในปลายปี หอฯการค้าขอเชิญชวนให้เป็นเจ้าภาพที่ดี  ซึ่งการเป็นเจ้าภาพเอปคเป็นโชว์เคสที่ดีมาก เพราะเป็นจะเป็นตัวทำให้โอกาสของอีอีซีของๆทย ซึ่งเฟสแรกจบไปแล้วเรากำลังเริ่มเฟส 2 ซึ่งเวทีเอเปคจะทำให้อีอีซีเฟส 2 เกิดขึ้นได้"

นายสนั่น กล่าวว่า  สำหรับรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศในปีหน้านั้นหอการค้าไทยมองว่า เสถียรภาพทางการเมืองเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ ซึ่งภาคเอกชนและภาครัฐต้องร่วมมือกัน โดยเอกชนเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เมื่อเจอปัญหา รัฐบาลก็ช่วยปลดล็อค เปิดประตู เหมือนกรณีไทยมีปัญหาการส่งออกผลไม้ไปจีนจากมาตรการซีโรโควิด ภาครัฐและเอกชนก็จับมือแก้ปัญหาได้สำเร็จส่งผลให้ส่งออกผลไม้ได้ หรือในกรณีประเทศซาอุฯที่ไทยฟื้นความสัมพันธ์ก็เปิดโอกาสให้เอกชนไทยเปิดการค้าการลงทุนกับซาอุได้ นอกจากนี้หอการค้าเห็นว่า รัฐบาลควรแก้ไขกฎหมายที่ล้าหลัง การอำนวยความสะดวกการค้าในเรื่องของเอกสารให้เป็นออนไลน์