sacit เผยผลสำเร็จยอดขายหัตถศิลป์ไทย ดึงคนรุ่นใหม่สร้างกระแส Soft Power

sacit เผยผลสำเร็จยอดขายหัตถศิลป์ไทย ดึงคนรุ่นใหม่สร้างกระแส Soft Power

สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย เผยความสำเร็จในการส่งเสริมงานศิลปหัตถกรรมไทย สู่เชิงพาณิชย์ เผยภาพรวมยอดจำหน่ายจากโค้งสุดท้ายของปีงบประมาณ มูลค่ารวมกว่า 218 ล้านบาท พร้อมปลุกกระแสอนุรักษ์หัตถศิลป์ไทยผ่านคนดัง Friend of sacit เจาะตลาดคนรุ่นใหม่

นายภาวี โพธิ์ยี่ รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทยหรือ sacit เปิดเผยว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีงบประมาณ 2565 sacit ได้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายงานศิลปหัตถกรรมไทย เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ช่างฝีมือและผู้ประกอบการด้านงานศิลปหัตถกรรมไทย ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้เกิดประโยชน์ทั้งในเชิงคุณค่าและมูลค่า ผ่านกิจกรรมสำคัญ ๆ ได้แก่ งานอัตลักษณ์แห่งสยาม และงาน Crafts Bangkok 2022 , งาน sacit เพลินคราฟต์ และงาน sacit craft fair 2022 ซึ่งรวมยอดขายและกระตุ้นเศรษฐกิจภาคงานศิลปหัตถกรรมไทยกว่า 218 ล้านบาท 

แยกเป็น ยอดจำหน่ายในงานอัตลักษณ์แห่งสยาม และงาน Crafts Bangkok 2022 รวม 157 ล้านบาท ,งาน sacit เพลินคราฟต์ รวม 30,731,768 บาท และงาน sacit craft fair 2022   รวม 30,674,103 บาท ซึ่งเป็นการผลักดันงานศิลปหัตถกรรมไทยสู่เชิงพาณิชย์อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถผลักดันและสร้างรายได้ให้แก่ผู้ผลิตงานศิลปหัตถกรรมไทย ไม่ว่าจะเป็นครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม และผู้ประกอบการงานศิลปหัตถกรรมไทยได้เป็นอย่างดี 

 

การดำเนินงานของ sacit ได้ผลักดันงานศิลปหัตถกรรมไทยสู่เชิงพาณิชย์อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถผลักดันและสร้างรายได้ให้แก่ผู้ผลิตงานศิลปหัตถกรรมไทย ไม่ว่าจะเป็นครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม และผู้ประกอบการงานศิลปหัตถกรรมไทยได้เป็นอย่างดี

อีกทั้ง จากการจัดงานที่ผ่านมายังสะท้อนได้ว่าประชาชนทุกช่วงวัยหันมาให้การตอบรับงานศิลปหัตถกรรมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากพบว่ามีผู้ให้ความสนใจเข้าชมงานแต่ละครั้ง ไม่ต่ำกว่า 30,000 ราย และยังส่งเสริมสนับสนุนด้านทรัพย์สินทางปัญญาอีกด้วย ตลอดจนเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายที่ให้เข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อได้อย่างสะดวก ด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์ ในชื่อ sacit shop Application หรือเว็บไซต์ sacitshop.com

"sacit ยังคงมุ่งอนุรักษ์ รักษาคุณค่าภูมิปัญญา ทักษะฝีมือและองค์ความรู้เชิงช่างที่อยู่ในตัวบุคคลไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา และส่งต่อไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการช่วยกันอนุรักษ์ รักษา  สืบสาน ผ่านกิจกรรมเฟ้นหาผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทยที่ดำเนินงานมาทุกปี โดยนำมาเชิดชูเป็นครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม"นายภาวี  กล่าว

ปัจจุบันมีรวบรวมแล้วกว่า 434 ราย ประกอบด้วย ครูศิลป์ฯ 105 ราย / ครูช่างฯ 242 ราย / ทายาทฯ 87 ราย โดยนำบุคคลเหล่านี้มาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของตลาดและสอดคล้องกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

นายภาวี  กล่าวว่า  นอกจากนี้ sacit ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสร้างวัฒนธรรมในงานศิลปหัตถกรรมไทยไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยเร่งส่งเสริมและพัฒนางานศิลปหัตถกรรมไทยอย่างสร้างสรรค์ ที่สอดคล้องกับนโยบาย Creative Economy ของกระทรวงพาณิชย์ ที่มุ่งสร้างผู้ประกอบการให้มีศักยภาพ มีความสามารถแข่งขันในตลาดสากล ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับงานศิลปหัตถกรรมไทย ด้วยความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมใหม่ๆ รวมทั้งขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power ผ่านศิลปหัตถกรรมไทย ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือในกลุ่มคน Gen Y ที่อยู่ในช่วงวัย 25 – 40 ปี ซึ่งมีบทบาทและอิทธิพลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

โดย sacit มีแนวทางในการดำเนินงานสร้างวัฒนธรรมการใช้ศิลปหัตถกรรมไทยในกลุ่มคนรุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เกิดความรัก หวงแหน และร่วมภาคภูมิใจ ปลุกกระแสความนิยมในงานศิลปหัตถกรรมไทย ผ่านกิจกรรมความบันเทิง และบุคคลที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพล (Key Opinion Leader) ผ่านกิจกรรม Friend of sacit ที่สามารถเชื่อมต่อกับพฤติกรรมของผู้บริโภคและเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ด้วยการสร้างคอนเท้นต์ สอดแทรกองค์ความรู้และภูมิปัญญางานศิลปหัตถกรรมไทย อาทิ การจัดงาน Craft Festival , การใช้สื่อโซเชี่ยลมีเดียเป็นช่องทางไปยังคนรุ่นใหม่ เช่น แพลตฟอร์ม Tiktok , Facebook , Instagram   เพื่อสร้างให้กลุ่มคนรุ่นใหม่เกิดทัศนคติที่ดี เกิดความภาคภูมิใจในงานศิลปหัตถกรรมไทยซึ่งเป็นภูมิปัญญาและรากฐานสำคัญอันเป็นอัตลักษณ์ของชาติ ซึ่งค่านิยมและวัฒนธรรมงานศิลปหัตถกรรมเหล่านี้ จะถูกส่งต่อสร้างกระแสออกไปในผู้คนในสังคมได้เพื่อให้เกิดเครือข่ายงานศิลปหัตถกรรมไทยขนาดใหญ่ต่อไป