เปิดสถิติเก็งหุ้นปันผล 5 ปี ดัก “ซื้อ” ก่อน หรือ “ขาย” ทีหลัง

เปิดสถิติเก็งหุ้นปันผล 5 ปี   ดัก “ซื้อ” ก่อน หรือ “ขาย” ทีหลัง

ประจำทุกครึ่งปีและปลายปีหลังประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนตามมาด้วยฤดูกาลปันผลด้วยการขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อรับสิทธิได้รับเงินปัน ซึ่งตามแนวโน้มกำไรในรอบครึ่งปีแรกปี 2565 ออกมาดีเกินคาดทำให้หลายบริษัทประกาศจ่ายปันผลออกมาเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

           ทั้งกลุ่มพลังงานที่ถือว่าไตรมาส 2 ปี 2565 ทำกำไรเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ท่ามกลางราคาพลังงานเพิ่มสูงขึ้นผิดปกติผลจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันแตะ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาถ่านหินทะลุ 400 ดอลลาร์ต่อตัน และราคาก๊าซธรรมชาติเกิน 500 ดอลลาร์ต่อตันเป็นทีเรียบร้อย

            กลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ได้ปลดล็อกจากธปท. ให้สามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลได้ จากเดิมที่จำกัดอัตราการจ่ายไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิประจำปี หลังผลการทดสอบระดับเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ภายใต้ภาวะวิกฤติ  มีความแข็งแกร่ง มีเงินกองทุน และเงินสำรองเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงในระยะข้างหน้า

          จากตัวเลขกำไรรวมรอบครึ่งปีแรก 2565 ซึ่งมีบริษัทจดทะเบียนจำนวน 759 บริษัท คิดเป็น 96.7% จากทั้งหมด 785 บริษัท (รวม SET และ mai และไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บจ. ในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC) นำส่งผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2565 สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2565 พบว่ารายงานกำไรสุทธิ 586 บริษัท คิดเป็น 77.2% ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด

            ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2565 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน         ซึ่ง     กลุ่ม SET มียอดขาย 8.60 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.1% แต่มีต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง ทำให้มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core profit) 1.07 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.9% และมีกำไรสุทธิ 596,594 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.9% 

             ทั้งนี้ อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Core profit margin) และอัตรากำไรสุทธิปรับตัวลดลงเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับฐานะการเงินของกิจการ  ณ  30  มิถุนายน 2565 บจ. ไทยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ที่ระดับ 1.59 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 1.53 เท่า เมื่อเทียบกับงวดปีก่อน

          ส่วนด้านผลการดำเนินงานของ บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 6 เดือนแรกปี 2565 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดขายรวม 99,895 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.8% ต้นทุนขาย 79,365 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.2% มีกำไรจากการดำเนินงาน 5,021 ล้านบาท ลดลง 3.6% และมีกำไรสุทธิ 4,275 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4%

         ทั้งนี้จากการเก็บสถิติการจ่ายเงินปันผลในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) พบว่าช่วงก่อนและหลังขึ้นเครื่องหมาย XD  ทั้ง 5วันและ 10 วัน สามารถทำผลตอบแทนให้กับนักลงทุนเฉลี่ย 1.5 %

        โดยเป็นการรวบรวมจาก 11หุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเกิน 1.5 % และแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2565 ฟื้นตัวต่อเนื่อง  ซึ่งสามารถสร้างโอกาสการเก็งกำไรช่วงก่อนและหลังวันขึ้นเครื่องหมาย XD

        หากลงทุนในหุ้นปันผลก่อน 10 วันขึ้นเครื่องหมาย XD พบว่าสามารถให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่  1.81 %  และก่อน 5 วันขึ้นเครื่องหมาย XD สามารถให้ผลตอบแทน 0.82 %   และเมื่อไล่ในช่วง 5 ปีย้อนหลังหุ้นปันผลยังให้ผลตอบแทนเป็นบวกมาตลอดยกเว้นในช่วงปี 2562 ทำให้ผลตอบแทนติดลบในช่วง 5 วัน และในช่วงก่อน 10 วันยังมีผลตอบแทนปันผลเป็นบวก ขณะที่ในปี 2563 ที่เผชิญแรงขายผิดปกติจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ผลตอบแทนจากช่วงก่อนรับเงินปันผลยังเป็นบวกทั้ง 2 ช่วงเวลาด้วยราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาต่ำ

        สำหรับช่วงหลังขึ้นเครื่องหมาย XD  แล้วยังพบว่าผลตอบแทนเฉลี่ยยังเป็นบวกแต่อัตราน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเจน  ช่วง 5 วัน หลังขึ้นเครื่องหมาย XD เฉลี่ยผลตอบแทนอยู่ที่  1.05 %  และหลัง 10 วัน อยู่ที่  0.85 %  ซึ่งช่วงปี 2562 เผชิญปัจจจัยคล้ายกันทำให้ผลตอบแทนติดลบ แต่สามารถกลับมาเป็นบวกได้ในปี 2563 และ 2564

       อย่างไรก็ตามหากคำนึงถึงการวางกลยุทธ์ การวางแผนลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มจ่ายเงินปันผลในอัตราที่ดีและสม่ำเสมอมักจะให้ผลตอบแทนดีก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD  10 วันเป็นส่วนใหญ่  และค่อยๆลดลงใน 5 วัน ก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD   เช่นเดียวกับการลงทุนในช่วงหลังขึ้นเครื่องหมาย XD แล้ว ผลตอบแทนจากช่วง 5 วันหลังดีกว่าหรือสามารถให้ผลตอบแทนดีกว่าช่วง 10 วันหลังนั้นเอง