KTC ธุรกิจใหม่ไม่โตอย่างที่คาดการณ์ (29 ส.ค. 2565)

KTC ธุรกิจใหม่ไม่โตอย่างที่คาดการณ์ (29 ส.ค. 2565)

KTC โตสินเชื่อจำนำทะเบียนซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่เริ่มในปีนี้ได้เพียง 500 ล้านบาทเท่านั้นในช่วง 6 เดือนแรก โดยมียอดสินเชื่อใหม่เพียงประมาณ 100 ล้านบาทต่อเดือน

ทำให้สินเชื่อส่วนนี้น่าจะอยู่ที่ 1 พันล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ ต่ำกว่าเป้าของบริษัทที่ตั้งไว้สูงถึง 1.15 หมื่นล้านบาทอย่างมาก ทั้งนี้ การโตสินเชื่อที่ต่ำเป้าดูมีความไม่ชัดเจนว่าเป็นเพราะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไม่น่าสนใจเพราะ KTC คิดที่ 20-24% ในขณะที่คู่แข่งคิดเพียง 18-20%, การผลตอบแทนกับพนักงานปล่อยสินเชื่อ, ฐานลูกค้า และ เกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อ ดังนั้นทำให้เราคาดว่าบริษัทอาจจะต้องยกเครื่องใหม่หมด ทั้งกระบวนการปล่อยกู้ และนโยบายการให้ผลตอบแทนเพื่อกระตุ้นสินเชื่อใหม่กลุ่มนี้ ซึ่งอาจจะทำให้ KTC มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

 

ค่าใช้จ่ายเร่งตัวขึ้นใน 2H65F

อัตราการเติบโตของสินเชื่อจำนำทะเบียนที่ไม่เป็นไปตามคาดอาจจะไม่ได้กระทบกับผลประกอบการของ KTC ในปีนี้มากนัก แต่ะจะทำให้ประมาณการกำไรในปี 2566 มีความเสี่ยง ทั้งนี้ ในปี 2565 บริษัทยังสามารถขยายสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อ P-Loan ได้สูงกว่าที่ตั้งเป้าเอาไว้ โดยที่ค่าใช้จ่ายสำรองฯ (credit cost) ลดลงจากผลของ NPL ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ และคุมต้นทุนการบริหารได้ดี อย่างไรก็ตาม เราเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นใน 2H65 จากค่าใช้จ่ายด้านการตลาดเพื่อรักษาอัตราการเติบโตของการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในปีนี้ให้สูงกว่า 15% อีกด้วย (จาก
1 6% ใน 1H65 ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการใน 2H65 ต่ำกว่าใน 1H65

 

 

 

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2565/2566/2567 ลง -6%/-10%/-10% ตามลำดับ

เราปรับลดประมาณการกำไรลงเพื่อสะท้อนถึง 1) สมมติฐานอัตราการเติบโตของสินเชื่อจากธุรกิจใหม่ที่ 1 พันล้านบาท/3.5 พันล้านบาท/5 พันล้านบาท ในปี 2565/2566/2567 ตามลำดับ (จากเดิมที่ 1.0 หมื่นล้านบาท/1.2 หมื่นล้านบาท/1.4 หมื่นล้านบาท) 2) การปรับลดสมมติฐาน credit cost ปีละ 475bps ในอีกสามปีข้างหน้า (จากเดิมที่ 500bps) 3) การปรับเพิ่มสมมติฐานสัดส่วนต้นทุนต่อรายได้เป็น 3 3%/33/5%/33/5% (จากเดิมที่ 32.5%/33%/33%)

 

ขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2566F ที่ 62 บาท (จากเดิม 68 บาท)

เราคิดว่า KTC ต้องปรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นแรงจูงใจให้พนักงานของ KTB ช่วยขยายธุรกิจใหม่ นอกจากนี้ บริษัทยังอาจจะต้องผ่อนคลายเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อเพื่อเพิ่มปริมาณสินเชื่อใหม่ และอาจจะต้องปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้ใกล้เคียงกับของบริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มที่ประมาณ 18%  ดังนั้น เราจึงมองว่าธุรกิจใหม่อาจจะไม่ได้ช่วยให้ yield ของ KTC เพิ่มขึ้น เนื่องจากในปัจจุบัน yield สินเชื่อทรงตัวอยู่ที่ >20% เราจึงมีมุมมองที่ระมัดระวังกับ KTC โดยเราขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2566F และ de-rate PE ลงเหลือ 21x (+0.5 S.D.) เท่ากับค่าเฉลี่ยสินเชื่อ (ลดลงจากเดิมที่ 24.5x) ทำให้ได้ราคาเป้าหมายปี 2566F ใหม่ที่ 62 บาท ดังนั้น เราจึงปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ

 

Risks

NPLs เพิ่มขึ้น, สินเชื่อไม่โตตามคาด, ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้