EGCO ยังมีหวังอยู่ (25 สิงหาคม 2565)

EGCO ยังมีหวังอยู่ (25 สิงหาคม 2565)

เรามีมุมมองกลาง ๆ กับการประชุมนักวิเคราะห์ของ EGCO ในงวด 2Q65 โดยประเด็นสำคัญส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยต่างจากในไตรมาสก่อน ๆ บริษัทยังคงงบลงทุน (CAPEX) ห้าปีเอาไว้ที่ 1.50 แสนล้านบาท (2564-2568) หรือเท่ากับปีละ 3 หมื่นล้านบาท

โดยบริษัทตั้งเป้าโครงสร้างรายได้ในปี 2573 ว่า 66% จะมาจากธุรกิจไฟฟ้า (conventional 70% และพลังงานหมุนเวียน 30%) 25% จะมาจากธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน (อย่างเช่น นิคมอุตสาหกรรม และท่อส่งน้ำมัน) และ 9% จะมาจากธุรกิจปลายน้ำ (customer solutions & startup) โดยในปัจจุบัน กำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 6,071MWe (ดำเนินการแล้ว 5,797MWeและอีก 274MWe กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง) ทั้งนี้ โครงการที่อยู่ใน pipeline ได้แก่ Yunlin (142MWe),NT1PC (เป็นส่วนของ EDL 33MWe), APEX (39MWe) และ EGCO Cogen (60MWe) สำหรับแนวโน้มใน 2H65 เรามองแบบอนุรักษ์นิยมกับแผนของบริษัทที่จะเข้าซื้อโครงการใหม่ 1,000MWe เพราะการแข่งขันสูง ทั้งนี้ บริษัทยังไม่มีความชัดเจนว่าจะจ่ายปันผลต่อหุ้นสูงขึ้นหรือไม่จากผลประกอบการที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปี 2565F เรายังคงมองว่า DPS มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น (เราคาดว่าจะเพิ่มเป็น 7.00 บาท/หุ้น จาก 6.50 บาท/หุ้นในปี 2562-64) ในระยะกลาง เนื่องจากงบลงทุน (CAPEX) ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะยังไม่ได้มากอย่างมีนัยสำคัญ

 

ลงลึกในรายละเอียดของการลงทุนใน Paju ES

Paju ES (893MWe) ใช้ระบบ merit order ของเกาหลี โดยรายได้จะมาจาก capacity Payment (CP) และ energy Payment (EP) ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานจะอิงจากประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนและอุปสงค์ (ต้นทุนต่ำหน่วยต่ำแค่ไหน margin ก็จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น) ซึ่งโครงการนี้จะเข้าสู่ช่วง high season ในไตรมาสที่สี่ และหนึ่ง (ฤดูหนาว) และเข้าสู่ช่วง low season ในไตรมาสที่สองและสาม นอกจากนี้ บริษัทยังทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงราคาก๊าซระยะยาว (10-15 ปี) เอาไว้ถึงกว่า 50% ของปริมาณก๊าซที่ต้องใช้โดยอิงกับราคา spot แต่บริษัทไม่ได้ระบุราคาที่กำหนดไว้ในสัญญา

 

 

 

ผลประกอบการมีแนวโน้มแย่ลง HoH แต่จะดีขึ้น YoY

เรายังเชื่อว่า 1Q65 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ และเราคาดว่ากำไรรายไตรมาสมีแนวโน้มลดลงใน 2H65F โดยเราคาดว่ากำไรจะลดลงเล็กน้อย QoQ ใน 3Q65F เนื่องจากผลการดำเนินงานของ Paju ES, ช่วง low season ของโรงไฟฟ้า IPPs (ในฤดูฝน), การปิดซ่อมบำรุง KEGCO และ BLCP ตามแผน นอกจากนี้ เรายังคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักใน 4Q65 จะต่ำที่สุดในรอบปีนี้ เพราะ SG&A สูงขึ้น, มีการปิดซ่อมบำรุง NTPC และ Linden ตามแผน และยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ใน 4Q65 ด้วย

 

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมาย DCF ที่ 205 บาท และยังคงประมาณการกำไรเอาไว้เท่าเดิม ทั้งนี้ นอกจาก EGCO จะเป็นหุ้น defensive แล้ว เรามองว่ายังเป็นหุ้น value stock ในกลุ่มโรงไฟฟ้าด้วย โดย P/BV อยู่ที่ 0.8x และ PE อยู่ที่ 8x ซึ่งให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ประมาณ 4% ต่อปี ทำให้เป็นหุ้นที่เหมาะกับนักลงทุนที่มุ่งแสวงหาอัตราผลตอบแทน (yield seeker) ในช่วงที่ยังรอการลงทุนใหม่ ๆ ของ EGCO

 

Risks

ปิดโรงไฟฟ้านอกแผน, ปัญหา cost overrun, และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย