ฟันด์โฟลว์ ช้อปหุ้นไทย กระแสแรง 7เดือน 1.6 แสนล้าน

ฟันด์โฟลว์ ช้อปหุ้นไทย  กระแสแรง 7เดือน 1.6 แสนล้าน

หุ้นไทยในรอบ 7 เดือน ปี 2565 ผันผวนและหาจังหวะลงทุนได้ยากอีกปีหนึ่งด้วยดัชนีขึ้นมารับกับปัจจัยบวก กลับเจอปัจจัยไม่คาดคิด และกระทบภาพธุรกิจถ้วนหน้าแต่การ “ไล่ซื้อสุทธิต่างชาติ” ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้หุ้นไทยกลับมาน่าสนใจระยะยาวแค่ไหน

          ที่ผ่านมาต่างชาติไล่เทขายสุทธิหุ้นไทยมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2560 -2564    เป็นการขายสุทธิหนักในปี 2561 ที่ 287,459 ล้านบาท รองลงมา ปี 2563 ขายสุทธิ 264,386 ล้านบาท  และในปี 2564 ขายสุทธิ 48,578 ล้านบาท    จนทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยแทบจะไม่ไปไหน

            ปี 2565 เม็ดเงินฟันด์โฟลว์เริ่มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา จนมาถึงเดือนส.ค. (ถึง 19 ส.ค.) มียอดซื้อสุทธิจากต่างชาติ 42,764.15 ล้านบาท             และยอดซื้อสะสมตั้งแต่ต้นปี 2565 รวมแล้ว 160,114.95 ล้านบาท

            ส่วนหนึ่งย่อมได้ผลดีจาก “ค่าเงินบาท” ที่อ่อนค่าอย่างหนักมาอยู่แถว 36 บาทต่อดอลลาร์ จากต้นปีอยู่ที่ 32 บาทต่อดอลลาร์   ทำให้ได้ส่วนต่างจากกำไรค่าเงิน  ซึ่งเป็นการเก็งระยะสั้นการเตรียม “ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรก” ในรอบ 2 ปี ของกนง. ที่พึ่งประกาศล่าสุดไปที่ 0.25 %   ขึ้นมาอยู่ที่ 0.75 %  

             อย่างไรก็ตามปฎิเสธไม่ได้ว่าภาพการท่องเที่ยวของไทยกำลังจะฟื้นตัว ซึ่งมีสัญญาณบวกหลายด้านเพื่อให้จำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 10 ล้านคน   บวกกับการประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนครึ่งปีแรกที่ออกมาดีกว่าคาด มีการจ่ายปันผลต่อในอัตราที่สูงทำให้เม็ดเงินเข้ามาไล่ซื้อหุ้นในช่วงนี้จึงดักรอปัจจัยดังกล่าวไปในตัว

                นอกจากนี้ตลาดทุนไทยยังมีอีเวนใหญ่ประจำปีงาน  “Thailand Focus “ครั้งที่16 ภายใต้แนวคิด “THE NEW HOPE”  24-26  ส.ค. 2565 ด้วยการโดยนำเสนอศักยภาพและความแข็งแกร่งของตลาดทุนและเศรษฐกิจไทยที่สามารถยืนหยัดและฟื้นตัวจากปัจจัยการแพร่ระบาดของ COVID-19 และกลับมาเป็นแหล่งลงทุนที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนทั่วโลก

            ไฮไลต์สำคัญพุ่งตรงไปที่การช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกและชี้ถึงโอกาสใหม่ในการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทย  โดยเฉพาะเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งมีปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Thailand's Economic Reopening and Enhancing Competitive Advantage”ผ่าน “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ”  รัฐมนตรัว่าการกระทรวงการคลัง

        รวมทั้งข้อมูลในนโยบายการเงินเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้พร้อมสู่อนาคตที่แข็งแกร่ง  “ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ”  ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงเนื้อหาที่เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนกรุงเทพฯ วิถีใหม่ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 

            และแน่นอนว่าเหล่าคอร์ปอเรทชั้นนำที่อยู่ในตลาดหุ้น 120 บริษัท จากทุกกลุ่มอุตสาหกรรมร่วมให้ข้อมูลธุรกิจและกลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตและความยั่งยืนในอนาคตแก่ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลก

           

           ทั้งนี้ตามสถิติการจัดงาน ไทยแลนด์โฟกัส ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นมักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนวันจัดงาน 2 สัปดาห์ และหลังจัดงานสองสัปดาห์เม็ดเงินต่างชาติเพิ่มขึ้น นับตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปี 2560 ที่มีการจัดงานนี้ขึ้น พบว่าหลังจากจบงานประมาณ 2 สัปดาห์มีเงินลงทุนเข้ามาซื้อสุทธิเฉลี่ยทุกปี

        ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยเจอแรงกดดันอย่างหนักคือการชะงักการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องจนมาเจอสถานการณ์โควิดทำให้ไทยฟื้นตัวได้ช้ากว่าในอาเซียนด้วยกัน เพราะพึ่งพิงภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก

            มุมองของ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ฟินันซัย ไซรัส ให้น้ำหนักการลงทุนในสัปดาห์นี้อยู่ที่งาน  Thailand Focus และการประชุมของ FED ที่เมือง Jackson Hole Symposium สถิติ 5 ปีย้อนหลัง SET Index ปรับขึ้นระหว่างการจัดงาน Thailand Focus ในช่วงระหว่างจัดงานปรับขึ้นเฉลี่ย 0.8% (ปรับขึ้น 3 ใน 5 ปี)

            โดยแรงหนุนหลักมาจากสถาบันในประเทศทซื้อเฉลี่ยราว 5 พันล้านบาท   ขณะที่ต่างชาติไม่มีสถานะซื้อสุทธิชัดเจน      ประกอบกับปีนี้ดัชนีปรับขึ้นแรงในช่วง 1 เดือนก่อนหน้าและระยะสั้น Upside จำกัดทำให้คิดว่าผลบวกอาจน้อบกว่าปีก่อนๆ

            ส่วน Jackson Hole Symposium ต้องติดตามมุมมองเศรษฐกิจโดยเฉพาะเงินเฟ้อและการส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยปัจจุบันตลาดให้น้ำหนักราว 60:40 ในการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% หรือ 0.75% ใน การประชุม FED เดือน ก.ย. 2565