SCC ส่ง SCGC ร่วมทุน AJVN ลุยธุรกิจ BOPET ในเวียดนาม

SCC ส่ง SCGC ร่วมทุน AJVN ลุยธุรกิจ BOPET ในเวียดนาม

SCC ส่ง “เอสซีจี เคมิคอลส์” ลงทุนในบริษัทร่วมทุน "เอ.เจ.พลาสท์ (เวียดนาม)" วงเงิน 383 ล้านบาท เพื่อลงทุนสายการผลิตฟิล์มดึงยืดสองทิศทาง จากพลาสติกพอลิเอทิลีนเทเรพทาเลต (BOPET) คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 67

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCC ถือหุ้นทั้งหมด มีมติอนุมัติโครงการลงทุนในบริษัท เอ.เจ.พลาสท์ (เวียดนาม) จำกัด หรือ AJVN ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง SCGC และบริษัท เอ.เจ.พลาสท์ จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วนร้อยละ 45 และ 55 ตามลำดับ สำหรับการลงทุนในสายการผลิตฟิล์มดึงยืดสองทิศทางจากพลาสติกพอลิเอทิลีนเทเรพทาเลต (polyethylene terephthalate) (BOPET) ในประเทศเวียดนาม

ก่อนหน้านี้ SCC ได้แจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์เมื่อเดือนตุลาคมปี 2563 เรื่องโครงการร่วมลงทุนของ SCGC ใน AJVN สำหรับการลงทุนในสายการผลิตฟิล์มดึงยืดสองทิศทางจากพลาสติกพอลิโพรพีลีน (polypropylene)(BOPP) โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 คิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 700 ล้านบาท โดย SCGC มีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 45 คิดเป็นเงินลงทุน 315 ล้านบาท โครงการลงทุน BOPP และ BOPET ดังกล่าว

สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ SCGC ตามแผนขยายธุรกิจในประเทศเวียดนาม โดยเฉพาะการออกเเบบผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่า และสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมอุปโภคบริโภคโครงการลงทุน BOPET นี้ คาดว่าจะใช้ทุนทั้งสิ้นจำนวน 22.7 ล้านดอลลาร์  หรือประมาณ 851 ล้านบาท โดย SCGC จะเพิ่มทุนใน AJVN ตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทจำนวนร้อยละ 45 คิดเป็นเงินจำนวน 10.2 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 383 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567

ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 SCGC มีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนในประเทศเวียดนาม มูลค่าประมาณ 130,000 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงโครงการ Long Son Petrochemicals Complex (ธุรกิจโอเลฟินส์) TPC Vina (ธุรกิจไวนิล) และ Binh Minh Plastics (ธุรกิจไวนิลปลายน้ำ) โครงการลงทุนครั้งนี้มีขนาดรายการเท่ากับร้อยละ 0.04 ของมูลค่าของสินทรัพย์รวมตามงบการเงินรวมของ SCC สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 โดยเมื่อรวมกับรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ที่เกิดขึ้นในระหว่าง 6 เดือนก่อนวันที่มีการเข้าทำรายการนี้จะเท่ากับร้อยละ 0.39 ดังนั้น การรายงานสารสนเทศข้างต้นจึงไม่เข้าข่ายที่จะต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ และไม่ใช่รายการที่เกี่ยวโยงกัน

 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์