WHA ชี้ 4 ปัจจัยกระทบภาคลงทุน ครึ่งหลังปี 65 เชื่อลงทุนจะเริ่มโตก้าวกระโดด

WHA ชี้ 4 ปัจจัยกระทบภาคลงทุน ครึ่งหลังปี 65 เชื่อลงทุนจะเริ่มโตก้าวกระโดด

WHA สะท้อน 4 ปัจจัยหลัก กระทบภาคการลงทุนในช่วงครึ่งหลังปี 2565 ชี้จุดแข็งไทยเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์เชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียน เร่งแผนพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเพิ่มเติมปีละ 1,200 ไร่ รับบรรยากาศลงทุนสดใสในครึ่งปีหลัง

นายณัฐพรรษ ตันบุญเอก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวในงานสัมมนา EEC : New Chapter New Economy จัดโดย “กรุงเทพธุรกิจ” หัวข้อ "อีอีซีเดินหน้า..สร้างบทบาทใหม่เศรษฐกิจไทย"  ว่า ดับบลิวเอชเอประเมิน 4 ปัจจัย ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังปี 2565 ประกอบด้วย

1.การเปิดประเทศ ทำให้การเดินทาง และการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาฟื้นตัว จากข้อมูลตัวเลขการเดินทางทั่วโลกในปี 2021 เทียบกับปี 2019 ติดลบ 71% เริ่มขยับขึ้นมาในช่วงไตรมาส 1 ปี 2022 ติดลบน้อยลง อยู่ที่ 61% โดยเฉพาะในยุโรป และสหรัฐที่การเดินทางฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว รวมถึงประเทศไทยที่การท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังที่สำคัญ

2.ความตึงเครียดเชิงภูมิรัฐศาสตร์ในหลายพื้นที่ ตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างประเทศมหาอำนาจสหรัฐ และจีน สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปี และความขัดแย้งในจัดอื่นๆ ซึ่งกำลังรอวันปะทุ จะเป็นปัจจัยกดดันและปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องจับตามอง 

3. ความพร้อมในการปรับตัวรับการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยีของภาคการผลิต และบริการ และ 4. เศรษฐกิจโลกที่กำลังเผชิญภาวะเงินเฟ้อ และอยู่ในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น 

ทั้งนี้ ปัจจัยข้างต้น จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้หลักการ และโมเดลของซัพพลายเชนในอนาคตเปลี่ยนไป ตั้งแต่แนวคิดเรื่องโลกาภิวัตน์ที่ถูกท้าทายมากขึ้น กลายเป็นการสร้างความแข็งแกร่งของภูมิภาค และการย้ายฐานการผลิตให้เข้าใกล้ตลาดมากยิ่งขึ้น โดยจะมีการผนวกรวมระบบอัตโนมัติกับระบบการบริการ และการผลิต 

"อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของซัพพลายเชน ประเทศไทยจะยังคงเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีศักยภาพในการพัฒนา และเชื่อมโยงในระดับภูมิภาค จากโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังเข้าสู่ระยะก่อสร้าง นอกจากนี้ การเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจพิเศษในระยะต่อไประหว่างอีอีซี และเขตเศรษฐกิจพิเศษอื่นๆ จะกลายเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของไทย"

สำหรับแผนการลงทุนของนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอในช่วง 5 ปีข้างหน้า จะมีการลงทุนพัฒนาพื้นที่เพิ่มเติมประมาณปีละ 1,200 ไร่ ซึ่งประเมินว่าสภาพตลาดในปัจจุบัน จะยิ่งต้องเร่งกระตุ้นการลงทุนเพิ่มมากยิ่งขึ้น 

"ความต้องการของนักลงทุนในตลาดดีมากตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด แต่ติดข้อจำกัดเรื่องการเดินทาง ให้รอดูตัวเลขขอส่งเสริมการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะสะท้อนให้เห็นการลงทุนที่กลับมาอย่างก้าวกระโดด"

ทั้งนี้ บริษัทได้มีการขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเพิ่ม โดยในไทยได้เปิดนิคมฯ แห่งใหม่คือ ระยอง 36 ส่วนที่ประเทศเวียดนามมีโครงการในจังหวัด Nghe An เฟสแรก ที่มีการพัฒนาเสร็จแล้ว และกำลังพัฒนาเฟส 2 เริ่มก่อสร้าง ส่วนจังหวัด Thanh Hoa อยู่ระหว่างการพัฒนาต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม บริษัทวางงบลงทุน 5 ปี (2565-2569) จำนวน 50,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยใช้งบลงทุนปีละ 10,000 ล้านบาท 
 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์