“เซ็นเทล” พลิกธุรกิจโรงแรม-ร้านอาหาร Q2/65 ทำกำไร 22 ล้านบาท

“เซ็นเทล” พลิกธุรกิจโรงแรม-ร้านอาหาร Q2/65 ทำกำไร 22 ล้านบาท

“เซ็นเทล” รับอานิสงส์เปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด-19 พลิกทำกำไร 22 ล้านบาทในไตรมาส 2/2565 กระตุ้นยอดขายและกำไรเติบโตกว่าไตรมาสก่อนและปีก่อน

นายกันย์ ศรีสมพงษ์  ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวว่า บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL มีรายได้ในไตรมาส 2/2565 รวม 4,340 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,650 ล้านบาท หรือคิดเป็น 61% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว สัดส่วนของรายได้จากธุรกิจโรงแรมต่อรายได้จากธุรกิจอาหาร อยู่ที่ 33% : 67% ต่างจากไตรมาส 2/2564 ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 12% : 88% โดยรายได้เพิ่มขึ้นทั้งจากธุรกิจอาหารและธุรกิจโรงแรมได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศและการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19

บริษัทฯมีกำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยจ่าย และภาษีเงินได้ (EBITDA) รวม 992 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 690 ล้านบาท หรือ 228% จากไตรมาส 2/2564 โดยคิดเป็นอัตรากำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยจ่าย และภาษีเงินได้ ต่อรายได้รวม (% EBITDA) 23% เพิ่มขึ้นเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว 11% บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 22 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 607 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 104%

ทั้งนี้ เมื่อดูเฉพาะธุรกิจโรงแรม โรงแรมในประเทศไทยมีผลดำเนินงานฟื้นตัวจากการท่องเที่ยวและการจัดประชุมสัมมนาอย่างมีนัยสำคัญ รับปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศและการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ในการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ขณะที่มัลดีฟส์เข้าสู่ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น) แต่ยังคงเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ภาพรวมรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ยของโรงแรมทั้งหมด (RevPar) เพิ่มขึ้น 474% อยู่ที่ 2,188 บาท จากการเพิ่มของอัตราการเข้าพักเฉลี่ยจาก 12% ในไตรมาส 2/2564 เป็น 49% ในไตรมาส 2/2565 ขณะที่ราคาห้องพักเฉลี่ย (ARR) เพิ่ม 39% เทียบปีก่อน เป็น 4,472 บาท

ธุรกิจอาหาร มีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีการลดลงเป็นลำดับ และการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ของภาครัฐทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจและมีการกลับมารับประทานอาหารที่ร้านมากขึ้น  ปัจจัยเหล่านี้ทำให้บริษัทฯ มีการเติบโตของยอดขายของสาขาเดิม 19% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการเติบโตมาจากฐานต่ำเนื่องจากไตรมาส 2/2564 เป็นช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในระลอกที่ 3 ประกอบกับการขยายสาขาเพิ่มขึ้นทำให้ภาพรวมอัตราการเติบโตจากยอดขายรวมอยู่ที่ 25% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

แม้ว่าผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด-19 จะลดน้อยลง อย่างไรก็ดี ยังคงมีปัจจัยลบต่อการดำเนินงานในอนาคต เช่น ความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ค่าโดยสารเครื่องบินที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น และจากสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยที่ทยอยปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

บริษัทฯ ได้วางแผนในการจ่ายคืนเงินต้นสำหรับเงินกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อลดผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ปัจจุบันบริษัทดำรงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (ไม่รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) ต่อส่วนผู้ถือหุ้น 0.8 เท่า ดีขึ้นเทียบสิ้นปีที่ผ่านมา (ปี 2564: 0.9 เท่า) จากการลดลงของหนี้สิ้นที่มีภาระดอกเบี้ยและการเพิ่มขึ้นของส่วนผู้ถือหุ้น ทั้งนี้บริษัทฯ มีเงื่อนไขกับสถาบันการเงินเกี่ยวกับการรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (ไม่รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) ต่อส่วนผู้ถือหุ้น อยู่ที่ 2.0 เท่า

สำหรับภาพรวมปี 2565 บริษัทประมาณการธุรกิจโรงแรมมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปี 2565 (รวมโรงแรมที่ดูไบ) อยู่ในช่วง 45-50% และรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPar) อยู่ที่ 1,900 – 2,200 บาท

และสำหรับธุรกิจอาหาร บริษัทฯ ประมาณการอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม (Same-Store-Sales: SSS)  10-15% เทียบปีก่อน และอัตราการเติบโตของยอดขายรวมทุกสาขา (Total-System-Sales: TSS) จะอยู่ในช่วง 20-25% เมื่อเทียบปีที่ผ่านมา   สำหรับการเติบโตของจำนวนสาขา บริษัทฯ คาดว่าจะมีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นสุทธิ 200-250 สาขา (รวมสาขา shop-in-shop อาริกาโตะในมิสเตอร์โดนัท) เทียบกับปี 2564

“เซ็นเทล” พลิกธุรกิจโรงแรม-ร้านอาหาร Q2/65 ทำกำไร 22 ล้านบาท