“ทีเส็บ" ผนึก 3 สมาคมท่องเที่ยว เดินหน้าบูมตลาดไมซ์-เส้นทางสายไหมใหม่

“ทีเส็บ" ผนึก 3 สมาคมท่องเที่ยว เดินหน้าบูมตลาดไมซ์-เส้นทางสายไหมใหม่

“ทีเส็บ" ผนึก 3 สมาคมท่องเที่ยว บูมตลาดไมซ์-ท่องเที่ยวเส้นทางสายไหมใหม่ “One Belt One Road” รับกระแสฮอต “รถไฟจีน-ลาว” ดึงตลาด "ลาวเที่ยวไทย" เส้นทางเชื่อมโยงอีสาน-อีอีซี เร่งเตรียมพร้อมรับทัวริสต์จีนหลังเปิดประเทศ จูงใจด้วยค่าตั๋วถูกกว่าตั๋วบิน 20-30% ในภาวะน้ำมันแพง

นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า ทีเส็บได้ผนึกความร่วมมือกับสมาคมด้านการท่องเที่ยว 3 สมาคม ประกอบด้วย

  • สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า)
  • สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ)
  • สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.)

จัดโครงการ “One Belt One Road MICE & Travel Mart” และกิจกรรม R3A - EEC MICE Business Roadshow  เพื่อเตรียมความพร้อมแก่ผู้ประกอบการไมซ์ (MICE : การจัดประชุม เดินทางเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และจัดแสดงสินค้า) และท่องเที่ยว

ด้วยการจัดเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลองค์ความรู้เส้นทางสายไหมใหม่ของประเทศจีนภายใต้ชื่อ One Belt One Road และเส้นทางรถไฟจีน-ลาว กับเส้นทางใหม่บน R3A พาดจากเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยเฉพาะ จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง ถือเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักเดินทางชาวจีนและ สปป.ลาว ไปยังเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพของไทย 3 เมือง ได้แก่ พัทยา อุดรธานี และบุรีรัมย์ เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับสินค้าและบริการของทั้งสามพื้นที่ดังกล่าว

“เส้นทางสายไหมใหม่เป็นเส้นทางไมซ์ที่สำคัญในอนาคต มีศักยภาพในการดึงนักเดินทางคุณภาพ เชื่อมโยงการเดินทางและท่องเที่ยวระหว่าง 3 ประเทศ ได้แก่ จีน ลาว และไทย”

นายชัยพฤกษ์ ทองคำ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) กล่าวว่า โครงการดังกล่าวยังมีการจัดงานเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไมซ์และท่องเที่ยวในพัทยา อุดรธานี และบุรีรัมย์ กับผู้ประกอบการจาก สปป.ลาว ด้วย คาดมีเม็ดเงินสะพัดในแต่ละพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท หรือรวม 3 พื้นที่กว่า 60 ล้านบาท เพื่อขยายระยะเวลาพำนักของนักเดินทางชาวลาวจากขั้นต่ำ 4 วัน 3 คืน เพิ่มเป็น 5 วัน 4 คืน ด้วยการเพิ่มตัวเลือกเมืองท่องเที่ยวใหม่อย่าง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีจุดขายด้านการท่องเที่ยวเชิงกีฬาและสุขภาพ จากที่นิยมเที่ยวทะเลเมืองพัทยาเป็นทุนเดิม

“ผู้ประกอบการทั้งฝั่งลาวและไทย เตรียมพร้อมรอรับนักเดินทางจีนเดินทางด้วยรถไฟข้ามพรมแดน ทันทีที่ทางการจีนเปิดประเทศ อนุญาตให้ชาวจีนออกเที่ยวนอกประเทศได้ มองว่ารถไฟจะเป็นตัวเลือกการเดินทางที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะค่าตั๋วรถไฟถูกกว่าค่าตั๋วเครื่องบิน 20-30% เมื่อเทียบราคาตั๋วเครื่องบินในปัจจุบันซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อและราคาน้ำมันแพง

นางสาวมณีจันทร์ พันธ์วัฒน์วงศ์สุข ผู้แทนจาก Lao Association Travel Agent (LATA) กล่าวว่า หลังจากเปิดประเทศ ปัจจุบันมีนักเดินทางชาวไทยนิยมไปเที่ยวลาวจำนวนมาก โดยเฉพาะวันหยุดยาวเดือน ก.ค. และ ส.ค. โดยสินค้าท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจใช้บริการคือรถไฟจีน-ลาว เพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ คาดว่าเมื่อระบบการเดินรถไฟ เที่ยวรถ และอื่นๆ มีความเสถียรมากขึ้น จะมีนักเดินทางชาวไทยมาเที่ยวลาวเพิ่มขึ้น 2 เท่า เทียบภาวะปกติก่อนโควิด-19 ระบาด