BH มีแนวโน้มสดใสมากขึ้น (16 สิงหาคม 2565)

BH มีแนวโน้มสดใสมากขึ้น (16 สิงหาคม 2565)

กำไรสุทธิของ BH ใน 2Q65 ออกมาน่าประทับใจที่ 1.17 พันล้านบาท (+438.6% YoY, +60.8% QoQ) โดยกำไรสุทธิงวด 1H65 อยู่ที่ 1.89 พันล้านบาท (+514.8% YoY) ผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็นเพราะ

i) ประเทศไทยเปิดประเทศอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน และ ii) ผู้ป่วยกลับมารับการรักษาโรคอื่นที่ไม่ใช่ COVID หลังจากที่สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในประเทศไทยลดความรุนแรงลง นอกจากนี้ เรายังมองว่าแนวโน้มของบริษัทดูสดใสมากขึ้นใน 2H65 และในระยะยาว เนื่องจากผลการดำเนินงานใน 2Q65 กลับมาดีเกินระดับก่อน COVID ระบาดแล้ว (กำไรรายไตรมาสในปี 2562 ต่ำกว่า 1.17 พันล้านบาท) เราคิดว่า BH ได้พิสูจน์ตัวเองว่า มีศักยภาพที่จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต จากความสามารถในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยต่างชาติที่มี intensity สูง นอกจากนี้สัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยชาวไทยที่ 37.7% และผู้ป่วยต่างชาติที่ 62.3% ใน 2Q65 ยังสะท้อนว่าสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยชาวไทยกลับไปใกล้ค่าเฉลี่ยก่อน COVID-19 ระบาดที่ 65% นอกจากนี้ BH ยังคุมค่าใช้จ่าย SG&A ได้ดี (<900 ล้านบาทต่อไตรมาสในช่วง 9 ไตรมาสที่ผ่านมา)

 

โมเดล 4C1W สะท้อนถึงบริการรักษาพยาบาลที่แข็งแกร่งในปี 2565

BH เน้นที่กลุ่มผู้ป่วยที่ intensity สูงมาหลายปี เราเชื่อว่าโมเมนตัมของ BH จะยังเป็นบวกต่อเนื่องในปีนี้จากการรักษาโรคที่ไม่ใช่ COVID ทั้งในส่วนของผู้ป่วยชาวไทย และต่างชาติหลังจากผ่านช่วงที่สถานการณ์โรคระบาดเลวร้ายที่สุดไปแล้ว เราคิดว่าประเด็นสำคัญที่จะขับเคลื่อนการเติบโตในระยะต่อไปของบริษัทคือการใช้โมเดล 4C1W (Cutting-Edge Technology, Collaboration of Expertise, Complicated Care, Critical Care และ Wellness & Prevention) ในการให้บริการรักษาพยาบาล (ได้แก่ การผ่าตัดโดยใช้หุ่นยนต์ดังแสดงใน figure 6)

BH มีแนวโน้มสดใสมากขึ้น (16 สิงหาคม 2565)

 

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565F ขึ้นอีก 22.0% และปี 2566F ขึ้นอีก 15.9%

จากผลประกอบการของ BH ที่ออกมาดีเกินคาดอย่างมากใน 1H65 และแนวโน้มที่ดูสดใสมากขึ้น เราจึงมองบวกกับการเติบโตของบริษัทในระยะยาว ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565F และ 2566F ขึ้นจากเดิม เนื่องจาก i) คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 16% ทั้งสองปี และ ii) ปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้เป็น 42.0% (จากเดิมที่ 41.0%) ดังนั้น เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2565F ขึ้นอีก 22.0% เป็น 3.09 พันล้านบาท (+154.2% YoY) และปี 2566F ขึ้นอีก 15.9% เป็น 4.09 พันล้านบาท (+32.4% YoY)

 

Valuation & Action

เราคิดว่าราคาหุ้น BH น่าจะวิ่งขึ้นต่อได้จากพัฒนาการด้านบวกของบริษัท ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำจาก ถือ เป็น ซื้อ และขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย DCF ปี 2566 ที่ 225 บาท (ใช้ WACC ที่ 8.2% และ TG ที่ 3%) จากราคาเป้าหมายเดิมที่ 182 บาท (อิงจากประมาณการปี 2565 และ TG ที่ 2%)

 

Risks

COVID-19 ระบาด, การแทรกแซงของรัฐบาล, เกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่