คิดอย่างคนเก่ง

คิดอย่างคนเก่ง

คนที่ประสบความสำเร็จได้ในระยะยาวล้วนมาจากการวางแผน เอาใจใส่อย่างจริงจัง ไม่ได้โชคช่วยหรือดวงดีเท่านั้น

ภาวะความผันผวนที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ไม่มีท่าทีที่จะลดความร้อนแรงลงมาแม้แต่น้อย นับตั้งแต่สงครามรัสเซียยูเครนที่ดูจะยืดเยื้อ ตามมาด้วยภาวะเงินเฟ้อที่เริ่มจากสหรัฐอเมริกาและยุโรปก่อนลุกลามไปทั่วโลกจนบานปลายสู่การชะลอตัวทางเศรษฐกิจ

บ้านเราก็ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้นทุกรายการซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ภาคธุรกิจต้องจับตาดูเพราะหากชะล่าใจอาจเกิดวิกฤติเศรษฐกิจได้อย่างไม่ทันตั้งตัวเหมือนกับที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลกในเวลานี้

แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะหมดความหวัง หมดหนทางไปในปีนี้ เพราะในยามยากลำบาก เราก็ยังคงเห็นผู้ที่ปรับตัวได้ดีและหาหนทางในการสร้างความเติบโตได้เสมอ ซึ่งคนกลุ่มนี้มักมีวิธีคิดที่แตกต่างและไม่เหมือนกับคนทั่วไป

ประการแรก เขามักไม่ด่วนดีใจไปกับความสำเร็จในระยะสั้น ตรงกันข้ามกับนักธุรกิจจำนวนมากในปัจจุบันที่มักภาคภูมิใจกับความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ จนประโคมข่าวใหญ่โต แต่คนกลุ่มนี้มักคิดว่า นี่เพิ่งเป็นจุดเริ่มต้น และวางแผนต่อทันทีว่าจะก้าวสู่ความสำเร็จขั้นต่อไปได้อย่างไร

การเติบโตของตลาดสินค้าหรูหราในช่วงปีที่ผ่านมาน่าจะเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าคนที่เพิ่งประสบความสำเร็จในระยะสั้น โดยเฉพาะแวดวงเงินสกุลดิจิทัลหันมาหาซื้อของแพงใส่ตัวจนทำให้ราคาของสะสม เช่นนาฬิกาปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ซึ่งนั่นเพิ่งเป็นก้าวแรกและอาจสะดุดลงเมื่อไรก็ได้เช่นทุกวันนี้ที่ราคาปรับตัวลงมามหาศาล

ประการที่สอง คนกลุ่มนี้มักไม่สนใจทางลัด หรือไม่เลือกทำธุรกิจที่รวยง่ายๆ ในเวลาอันสั้น นั่นคือ ไม่หลงไปกับสิ่งล่อใจต่างๆ ที่ดึงเข้าหาธุรกิจฉาบฉวยรวยเร็วทั้งหลายที่เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ดในเวลานี้ เพราะเขารู้ดีว่าอะไรเป็นธุรกิจที่ยั่งยืน และอะไรที่เป็นธุรกิจที่เกิดมาชั่วประเดี๋ยวประด๋าว

การทำธุรกิจที่สร้างความสำเร็จระยะยาวจึงต้องขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญ ความรัก ความใส่ใจ ไม่ใช่เลือกทำธุรกิจอะไรเพราะคิดแต่ว่ามันได้เงินเร็ว แม้ว่าจะพลาดโอกาสที่จะสร้างรายได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น แต่ก็แลกกับความมั่นคงและลดความเสี่ยงที่ต้องพบกับหายนะที่ไม่คาดคิด

ประการที่สาม กล้าเผชิญหน้ากับปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะยากเย็นและหนักหน่วงแค่ไหน คนกลุ่มนี้มักมองปัญหาเป็นความท้าทายและหาทางพิชิตปัญหาเพื่อจัดการทุกประเด็นอย่างเป็นระบบโดยไม่ย่อท้อ

การแก้ปัญหาจะเป็นการเพิ่มพูนความรู้และทักษะในการจัดการให้เขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้น กลายเป็นภูมิคุ้มกันที่ทำให้รับมือกับปัญหาในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น ตรงกันข้ามกับคนที่เติบโตแบบฉาบฉวยมักหาทางเลี่ยงปัญหาทำให้ไม่เกิดการเรียนรู้ใด ๆ ที่นำไปใช้ในอนาคตได้

ประการสุดท้ายคือ การรู้จักจัดลำดับก่อนหลัง รู้จักจัดลำดับสิ่งสำคัญที่ควรทำก่อน โดยเฉพาะเรื่องสำคัญและจำเป็น การทำงานในแต่ละวันจึงสามารถใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ต้องหมดเวลาไปกับปัญหาเฉพาะหน้าแต่เพียงอย่างเดียว

คนที่ประสบความสำเร็จมักมีเรื่องด่วนให้ทำไม่มากเท่าคนทั่วไป เพราะเขาสามารถจัดลำดับความสำคัญของงานได้ดีเยี่ยมจนแทบจะไม่มีเรื่องใดเป็นเรื่องด่วน นั่นจึงหมายความว่าเขามีเวลาเพื่อจัดการกับเรื่องต่างๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

บุคลิกเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนเก่งทั้งหลายมักมีร่วมกัน ซึ่งน่าจะสะท้อนให้เห็นว่าคนที่ประสบความสำเร็จได้ในระยะยาวล้วนมาจากการวางแผน การเอาใจใส่อย่างจริงจัง ไม่ได้มาจากโชคช่วยหรือดวงดีเท่านั้น