เพิ่ม ‘ทักษะสีเขียว’ ให้กับธุรกิจเอสเอ็มอี

เป็นที่กล่าวขานกันมาได้ระยะหนึ่งแล้วว่า การบริหารจัดการธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี จะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับกระแสรักษ์โลก หรือที่นิยมเรียกกันว่า “ธุรกิจสีเขียว” หรือ “ธุรกิจกรีน”
แนวทางเริ่มต้นสำหรับเจ้าของหรือผู้บริหารธุรกิจเอสเอ็มอี น่าจะเป็นเรื่องของการพยายามเพิ่ม “ทักษะสีเขียว” ให้กับกระบวนการทางธุรกิจ โดยเริ่มจากการให้ความรู้ การสร้างความตระหนักรู้ และการปลูกฝังทักษะสีเขียวให้กับบุคลากรทั่วทั้งองค์กร ไม่ว่าจะเป็นในระดับทำงานหรือระดับบริหาร
“ทักษะสีเขียว” จะรวมความหมายถึง ความรู้ ความเข้าใจ และความสามารถในการผนวกรวมเรื่องของการมองเห็นความสำคัญของการรักษาสมดุลธรรมชาติของโลก การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การลดผลกระทบเชิงลบต่อธรรมชาติ รวมถึงการถนอมรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้กับคนรุ่นหลังได้มีใช้ประโยชน์กับการดำรงชีวิตต่อไปได้อีกยาวนาน
ทักษะสีเขียว ที่จะฝังรวมควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจของบุคลากรทุกระดับชั้น สามารถครอบคลุมกับทุกกิจกรรมในการดำเนินธุรกิจ เช่น การประหยัดพลังงาน การลดขยะและของเสียจากการผลิตและบริการ การออกแบบและผลิตสินค้าและบริการที่ส่งเสริมการสร้างความยั่งยืนให้แก่ธรรมชาติ และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติด้วยความรอบคอบระมัดระวัง ฯลฯ
หน้าที่โดยตรงของเจ้าของหรือผู้บริหารธุรกิจเอสเอ็มอีก็คือ การแสวงหาและสร้างกลยุทธ์เพื่อพัฒนา “ทักษะสีเขียว” ให้เกิดขึ้นภายในธุรกิจของตนเอง โดยมุ่งเป้าไปที่การหวังผลให้ทักษะใหม่นี้สามารถนำไปใช้เพิ่มสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้ธุรกิจได้ในอนาคตอันใกล้
กลยุทธ์และเป้าหมายเบื้องต้นที่จะปลูกฝัง “ทักษะสีเขียว” ให้กับธุรกิจเอสเอ็มอี อาจเริ่มต้นได้จากแนวทาง การเสริมทักษะที่เอสเอ็มอีพร้อมที่จะเริ่มทำได้ ดังต่อไปนี้
1. ปลูกฝังเรื่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการคำนึงถึงการช่วยลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นในกระบวนการทำงาน เช่น การอบรมให้ความรู้ในเรื่องการใช้พลังงานสมัยใหม่ เช่น ใช้หลอด LED การปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ หรือ การใช้อุปกรณ์ทันสมัยในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้า
2. ปลูกฝังเรื่องการลดขยะและของเสียในกระบวนการทำงาน เช่น การอบรมให้ความรู้เรื่องการรีไซเคิลวัสดุ การนำวัสดุเหลือทิ้งมาใช้ประโยชน์ใหม่ การแยกขยะประเภทต่างๆ การลดการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง การหาวัสดุทดแทนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หรือ การเรียนรู้ในการสร้างความคิดใหม่ๆ ด้วยการช่วยระดมความคิดในระหว่างเพื่อพนักงานด้วยกัน
3. อบรมให้ความรู้พนักงานช่างและฝ่ายวิศวกรรมเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีสีเขียวมาใช้ในโรงงาน เช่น การใช้แผงโซล่าเซลล์ และการบำรุงรักษา วิธีการที่จะช่วยลดมลพิษจากไอของการเผาไหม้ การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อติดตามเฝ้าดูการทำงานของเครื่องจักรเพื่อให้แน่ใจว่าสภาวะการใช้งานมีประสิทธิภาพสูงสุด การสร้างสรรค์อุปกรณ์เครื่องมือใช้งานที่เหมาะกับสภาพและวิธีการทำงานทดแทนการซื้ออุปกรณ์เครื่องมือจากต่างประเทศ
4. อบรมให้ความรู้พนักงานขายและฝ่ายการตลาด เพื่อให้สามารถสื่อสารเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับกระแสกรีนและการพัฒนาความยั่งยืน หาแนวคิดใหม่ๆ ทางการตลาดเพื่อเร่งการนำสินค้าหรือผลิตภัณฑ์สีเขียวออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว เช่น ทำการตลาดร่วมกับธุรกิจที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของการดูแลผู้บริโภคตามแนวทางสีเขียว
5. อบรมให้ความรู้พนักงานฝ่ายจัดซื้อและฝ่ายจัดส่งสินค้า เพื่อให้สามารถค้นหาวัตถุดิบ หรือวัสดุประกอบการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมถึงการจัดส่งสินค้าที่มีต้นทุนค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ทั้งในเรื่องของการวางแผนเส้นทาง หรือการจัดปริมาณสินค้าที่จะจัดส่งให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
6. สร้างวัฒนธรรมของการใส่ใจโลก ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ให้พนักงานทุกระดับชั้นเพื่อปูทางไปสู่การร่วมมือกันพัฒนาธุรกิจไปสู่ความเป็นธุรกิจสีเขียวด้วยความตั้งใจและเต็มใจ
จะเห็นได้ว่า การก้าวสู่การเป็นกรีนเอสเอ็มอี นอกจากจะช่วยรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของโลก ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องของผลตอบแทนที่ไม่ได้คาดหวัง แต่ประโยชน์จากการเข้าสู่เส้นทางธุรกิจสีเขียว จะช่วยให้ธุรกิจสร้างภาพลักษณ์และกำไรเพิ่มขึ้น จากการประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานสะอาด การสร้างความสามารถในการแข่งขันที่เหนือกว่าคู่แข่ง
และยังเป็นการช่วยส่งเสริมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจได้ปรับตัวเข้ากับอนาคตเทรนด์สีเขียวของโลกที่กำลังจะมาถึง อีกด้วย!!??!!