คาร์บอนฟุตพริ้นท์กับบริบทของเอสเอ็มอีไทย

คาร์บอนฟุตพริ้นท์กับบริบทของเอสเอ็มอีไทย

คาร์บอนฟุตพริ้นท์ หรือ รอยเท้าคาร์บอน ในเบื้องต้นจะหมายถึงปริมาณของก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมาจากกระบวนการดำเนินธุรกิจประจำวัน

ซึ่งทราบกันดีว่า ก๊าซเหล่านี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนที่เห็นได้ชัดเจนมากขึ้น จนหลายคนถึงกับเรียกว่าปรากฏการณ์ “โลกเดือด”

ก๊าซเรือนกระจก ที่ได้รับการยืนยันทางวิชาการแล้วว่าเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้บรรยากาศของโลกร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยก๊าซหลายชนิด แต่มักเรียกโดยรวมว่า “ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์” หรือ “ก๊าซคาร์บอน”

รอยเท้าคาร์บอน จึงหมายถึง การติดตามการเกิดก๊าซคาร์บอนที่เกิดขึ้นจากทุกขั้นตอนของการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ หรือขนาดเอสเอ็มอี

ตัวอย่างเช่น การใช้พลังงานของธุรกิจ กระแสไฟฟ้า เชื้อเพลิงให้ความร้อนในกระบวนการผลิต เครื่องปรับอากาศ

หรือ การใช้เชื้อเพลิงสำหรับยานพาหนะของธุรกิจสำหรับการขนส่ง การเดินทางติดต่อธุรกิจ หรือแม้กระทั่งการเดินทางไปและกลับจากสถานประกอบการ

หรือ การใช้วัตถุดิบ วัสดุสิ้นเปลือง ในการผลิต การดำเนินงาน และการบริหารจัดการทางธุรกิจ รวมถึงการใช้บรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่ง และเพื่อห่อหุ้มผลิตภัณฑ์เพื่อป้องกันความเสียหายก่อนถึงมือผู้บริโภค หรือเพื่อความสวยงามและการตลาด

หรือ การทำให้เกิดของเสีย ขยะ น้ำเสีย ฝุ่นละออง กลิ่นเหม็น ต่างๆ รวมไปถึง กระบวนการที่ต้องใช้กำจัดของเสียที่ธุรกิจเป็นผู้ทำให้เกิดขึ้น

ทุกขั้นตอนที่ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนขึ้นได้ จะทิ้งร่องรอยที่เรียกว่า รอยเท้าคาร์บอน ให้ผู้รับผิดชอบบริหารธุรกิจสามารถติดตามได้ว่า ธุรกิจของตนเองมีส่วนที่ได้ปล่อยก๊าซคาร์บอนออกสู่โลกในปริมาณเท่าไหร่

การติดตามรอยเท้าคาร์บอน จึงเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจสามารถแก้ไขกระบวนการทำธุรกิจของตนเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เหลือน้อยที่สุด หรือไม่ปล่อยออกมาเลย

ขั้นตอนในการติดตามรอยเท้าคาร์บอน จะต้องเริ่มจากการสำรวจว่ากระบวนการใดทางธุรกิจที่มีโอกาสที่จะปล่อยก๊าซคาร์บอนออกสู่บรรยากาศ ปล่อยออกมาเป็นปริมาณเท่าไหร่ และทำการบันทึกการปล่อยก๊าซเพื่อติดตามพฤติกรรมในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่าที่จะเห็นแนวโน้มว่า กระบวนการใดเป็นกระบวนการที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนในลำดับต้นๆ

การบันทึกติดตามผล อาจวัดจากปริมาณที่วัดได้ง่ายๆ ภายในธุรกิจด้วยตนเอง เช่น ผลิตขยะและของเสียวันละกี่กิโลกรัม ใช้ไฟฟ้าเดือนจะกี่หน่วย น้ำประปาเดือนละกี่ลูกบาศก์เมตร ใช้น้ำมันเตา น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล เดือนละกี่ลิตร ฯลฯ เป็นต้น

หรือหากต้องการได้ข้อมูลเป็นปริมาณก๊าซคาร์บอนโดยตรง ก็อาจใช้วิธีการคำนวณ ใช้บริการของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง หรือใช้บริษัทที่ปรึกษาเอกชน มาช่วยในการจัดการข้อมูลที่เป็นกิจจะลักษณะมากยิ่งขึ้น โดยสืบค้นข้อมูลได้จากระบบอินเทอร์เน็ต

เมื่อเห็นแนวโน้มหรือพฤติกรรมในการสร้างและปล่อยก๊าซคาร์บอนออกสู่บรรยากาศของธุรกิจแล้ว ผู้บริหารก็จะต้องหันมาให้ความสำคัญกับการออกแบบหรือปรับปรุงกระบวนการเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอน หรือ ลดรอยเท้าคาร์บอนของธุรกิจลง

สิ่งสำคัญต่อธุรกิจที่จะตามมาก็คือ ธุรกิจจะสามารถลดต้นทุนจากกระบวนการที่ไม่จำเป็นหรือกระบวนการที่ฟุ่มเฟือย การเพิ่มประสิทธิภาพรวมของการดำเนินธุรกิจ ฯลฯ

การได้ชื่อว่าเป็นธุรกิจที่มีการติดตามรอยเท้าคาร์บอน แสดงความรับผิดชอบต่อการอนุรักษ์โลก และจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและเป็นที่น่าเชื่อถือของสังคม

ในขณะวิกฤติโลกร้อนกำลังเริ่มต้นให้เห็นว่าเป็นภัยคุกคามโลก ธุรกิจที่เริ่มต้นติดตามรอยเท้าคาร์บอนของตนเองได้ก่อน ก็จะเป็นผู้ได้เปรียบในฐานะการเป็นผู้นำและเป็นผู้ริเริ่มก่อนผู้อื่น!!??!!