เทคนิคขาย Cross Border ไป CLMV สำหรับ SMEs

เทคนิคขาย Cross Border ไป CLMV สำหรับ SMEs

การนำสินค้าไปขายยังประเทศเพื่อนบ้านเป็นสิ่งที่ SMEs ควรทำ เพราะประเทศเหล่านี้มีกำลังซื้อสูงมากเลยทีเดียว

ค้าขายออนไลน์ในละแวกแถวนี้ไทยเรายังได้เปรียบอยู่บ้าง แม้ว่าบ้านเราเองจะโดนจีนบุก แต่เราก็สามารถก๊อปปี้กลยุทธ์ของจีนไปใช้กับกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา หรือออาจไปถึงเวียดนามด้วยก็ได้ โดย 3 ประเทศแรกเป็นประเทศที่นิยมซื้อสินค้าของไทยอยู่แล้ว คนในภูมิภาคนี้เชื่อถือของไทย ในซูเปอร์มาร์เก็ตสินค้าเกินครึ่งจะเป็นของไทย แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นสินค้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ แล้ว SMEs จะไปได้อย่างไรบ้าง

จุดเด่นของสินค้าไทยที่ดีกว่าของจีน หนึ่งคือ คนในละแวกนี้โดยเฉพาะลาวและกัมพูชาเขาดูสื่อของไทย รู้จักดาราไทย และเชื่อถือสินค้าไทย เพียงแต่ตอนนี้ยังเป็นโอกาสของยักษ์ใหญ่เพราะเขามีเน็ตเวิร์ค แวลูเชน หรือซัพพลายเชนที่สามารถส่งสินค้าข้ามไปยัง CLMV ได้ เขามีตัวแทน มีคนนำเข้า หรือบางคนก็ไปตั้งโรงงานที่นั่นเลย นี่คือความได้เปรียบของยักษ์ใหญ่

แต่หากเป็น SMEs จะทำอย่างไร ผมมีไอเดียเพราะเคยทำโปรเจคต์หนึ่งคือให้ นร.ขายของออนไลน์ บางคนก็ขายบนเฟซบุ๊ก ขายสินค้าแฟชั่น ปรากฎว่ามีคนลาวเข้ามาทักเป็นภาษาลาวว่าสนสินค้า ผมมองว่านี่เป็นโอกาส และสังเกตไหมครับว่าตอนนี้เมืองไทยจะมีหลักสูตรมากมาย สอนยิงแอด หลักสูตรการปรับแต่งโฆษณาเฟซบุ๊ก ฯลฯ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ต้องบอกว่ามีคนไทยที่ยิงแอดเก่งจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่เราจะยิงแอดขายกันเองในประเทศ แต่ทำไมเราไม่เอาโฆษณาที่เรายิงกันเป็นนั้นไปลองทาร์เก็ตคนต่างชาติ เช่น พม่า ลาว กัมพูชาดูบ้าง

วิธีการง่าย ๆ คือก่อนอื่นไปสร้าง Landing Page หรือ Sale Page ทำเป็นภาษาของประเทศ CLMV ที่เราจะทาร์เก็ตไป มีแชทบอทหรือคนคอยตอบข้อความ อาจจะจ้างคนที่เป็นเจ้าของภาษานั้น ๆ มาเป็นแอดมิน เป็น contact center แล้วให้ทำโฆษณาออนไลน์ อาจจะเป็น Facebook Ad ยิงไปที่ประเทศเหล่าให้คนเห็นโฆษณาของเรา และเมื่อเขาโต้ตอบกลับมา เราก็มีคนท้องถิ่นที่ใช้ภาษานั้นคอยตอบข้อความ

จุดที่น่าสนใจคือตอนนี้มีบริการที่เรียกว่า Fulfillment ซึ่งก็คือแวร์เฮ้าส์อย่างหนึ่ง  เราไม่ต้องส่งสินค้าจากเมืองไทยไปทีละกล่อง ๆ มันจะลำบาก ในช่วงแรก ๆ คุณอาจลองส่งจากเมืองไทยไปก่อนก็ได้ แล้วหากมีลูกค้าชอบมากขึ้น ๆ อาจใช้วิธีเอาสินค้าของเราไปเช่าหรือไปฝากแวร์เฮ้าส์ในประเทศนั้น ๆ เมื่อมีออเดอร์เข้ามา (ส่วนใหญ่มาทางแชทมากกว่า) เราก็ให้ทาง Fulfillment หรือแวร์เฮ้าส์ของที่นั่นส่งสินค้าไปให้ลูกค้า การชำระเงินส่วนใหญ่ชื่นชอบหรือนิยมคือการชำระเงินปลายทางหรือ Cash on Delivery มากกว่าซึ่งก็คล้ายประเทศไทย

ฉะนั้น หากมีสินค้าของเราไปกองรออยู่ในกลุ่มประเทศ CLMV อยู่แล้ว เราสามารถใช้นักการตลาดออนไลน์ยิงโฆษณาเข้าไปหาประเทศกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ได้ เมื่อมีการสั่งซื้อก็สามารถส่งไปหาลูกค้าได้เลย วิธีนี้ไม่จำเป็นจะต้องไปดีลไปเจรจาอะไรแบบเดิม วิธีนี้ง่ายมากและเหมาะกับ SMEs ที่ต้องการนำสินค้าไปขายยังประเทศใกล้ ๆ เพราะจริง ๆ ประเทศเหล่านี้มีกำลังซื้อสูงมากเลยทีเดียว

แวร์เฮ้าส์ กับ Fulfillment มีความต่างกันคือ แวร์เฮ้าส์เราต้องไปเช่าพื้นที่ว่าง ๆ ลงทุนทำระบบทั้งหลายเอง ตั้งชั้นวางเอง ควบคุมสินค้าเอง ลงทุนมาก ใช้เวลา ในขณะที่ Fulfillment จะให้บริการในเรื่องการจัดการ โดยจะมีแวร์เฮ้าส์ให้ มีชั้น มีพนักงานให้ เราแค่เอาสินค้าไปวางไว้เท่านั้น เมื่อขายของได้แทนที่จะต้องส่งเองจากเมืองไทย เราก็แค่ส่งออเดอร์ไป มีชื่อที่อยู่ให้เขาจัดการส่ง เขาจะเอาสินค้ามาแพ็ก ติดใบปะหน้า ส่งให้ รวมถึงเก็บเงินให้เราด้วย

เดี๋ยวนี้อินเทอร์เน็ตมันเชื่อมต่อกันหมดแล้ว เราสามารถรู้สถานะต่าง ๆ ได้ ระบบ Fulfillment สามารถตรวจสอบทางออนไลน์ได้เลยว่ามีสินค้าอยู่ในสต๊อกเท่าไหร่ มีการตัดสต๊อกไปเท่าไหร่ ขายไปยังลูกค้าคนไหนบ้าง เมื่อสินค้าจะหมดก็สามารถส่งสินค้าเข้าไปเติมได้ ทุกอย่างสามารถทำออนไลน์ได้หมดเลย ช่วยลดต้นทุนและเวลาได้อย่างมาก ซึ่งตอนนี้มีผู้ประกอบการไทยบางคนที่เริ่มไปให้บริการ Fulfillment อยู่ในประเทศเหล่านี้ด้วยเหมือนกัน

หากเราสามารถผลักดันให้มีความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการผลักดัน SMEs โดยหาคนที่ยิงแอดเก่ง ๆ หรือเราเรียกว่านักรบดิจิทัลให้มาเพิ่มเติมความรู้ในการยิงแอดไปยังกลุ่ม CLMV และเตรียมผู้ประกอบการกลุ่มหนึ่งที่มีสินค้าพร้อมและอยากขายสินค้าไปยังประเทศเหล่านี้ หาผู้ประกอบการอย่างสมาคมหรือชมรม Fulfillment ประเทศไทย หรือผู้ประกอบการที่ไปตั้ง Fulfillment ใน CLMV จับทั้งหมดมาแมทช์กัน

หากทั้งหมดมารวมกันได้จะทำให้เรามีสินค้าไปกองรอไว้แล้ว มีคนยิงแอดจากประเทศไทย และมีคนคอยตอบหรือพูดคุยกับลูกค้าจากประเทศไทยเลย นี่เป็นวิธีที่ง่ายและใช้ต้นทุนไม่สูง และเป็นเทคนิคหนึ่งที่เหมาะกับ SMEs ที่จะไปขายต่างประเทศ โดยไม่ต้องลงทุนไปขยายตลาดครับ