ปัญญาและสติเพื่อครองชีวิต

ปัญญาและสติเพื่อครองชีวิต

ลีกาชิง (Li Ka-shing) อภิมหาเศรษฐีนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาวฮ่องกง ได้เขียนบทกวีสอนชีวิตไว้อย่างน่าสนใจ ในชื่อว่า 'อาทิตย์อัสดง'

              ลีกาชิง เป็นมนุษย์บ้างานอย่างหนัก จวบจนเข้าสู่วัย 92 ปีเมื่อปีที่แล้ว จึงประกาศวางมือด้วยสุขภาพที่ย่ำแย่ บทกวีสอนชีวิตของเขานี้ ผู้เขียนนำมาจากอินเทอร์เน็ต (แปลโดย “ธำรง”) เนื้อหา 15 ข้อมีดังต่อไปนี้

                        (1)  ลิขิตฟ้ากำหนดมาชีวิตทุกคนมาจากศูนย์  ดำเนินไปในทิศทางใด   ยากดี                   มีจน     รุ่งเรืองหรือรุ่งริ่ง  สุดท้ายต่างจบลงที่เลขศูนย์    

                        (2)  ยามแก่ชรา    เวลาเหลือน้อย   อย่าคาดหวังร่ำรวยเงินทอง   แม้ชีวิตยังเหลืออยู่หรือหลังความตาย สมบัติพัสถานจะยังมีสิ่งใดเป็นของเจ้าล่ะ     ต้องตระหนักรู้สัจธรรม   อย่าได้หลงผิด  หลอกตัวเอง

                        (3)  รู้จักเพียงพอย่อมเกิดสุข   ชีวิตวัยชราต้องสงบสุข    ไม่ตื่นเต้น   ดีใจกับความร่ำรวย     ไม่เศร้าสร้อย  เสียใจเพราะยากจน  ยอมรับตามสภาพที่แท้จริง  

                         (4)  ไม่มักใหญ่ใฝ่สูง   ก่อศึก     แย่งชิง     ชีวิตคนนั้นแสนสั้น   ดั่งความฝันเหมือนปุยเมฆ  หมอกควันล่องลอยจางหายลับไป

                        (5)  ดวงตะวัน    ดวงจันทร์   กาลเวลา และกระแสน้ำ  หมุนเวียนผันแปรไป               ตลอดกาล      เคหะสถาน ที่ดิน   ไร่นา  ล้วนสลับสับเปลี่ยนเจ้าของถือครอง เป็นมาตราบ                        นิจนิรันดร์  

                        (6)  สายใยรัก   ความรักความเอื้ออาทรที่มีต่อกัน    เมื่อสิ้นใจก็สิ้นสลายหายไปในปล่องควันเมรุเผาศพ   เงินทองมากเพียงใดก็นำไปไม่ได้

                         (7)  ชื่อเสียงดีงามหรือเลวร้าย    ชัยชนะหรือพ่ายแพ้   ผลได้หรือผลเสียต่างสะดุดหยุดลงเมื่อชีวิตปิดฉากที่ปลายทาง

                          (8)  ยศฐาบรรดาศักดิ์   อำนาจวาสนา    บุญบารมี     ไม่มีใครยึดครองได้ตลอดไป     สุดท้าย  รวยก็จบ   จนก็จบ ต้องตระหนักรู้ตัวตนที่แท้จริง      ชีวิตก็เป็นเช่นนี้   

                          (9) วสันต์ฤดูผันผ่านตามด้วยคิมหันต์     วัสสาน และเหมันต์  ฤดูกาลทั้ง 4     อีกทั้งน้ำขึ้นน้ำลง    หมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไม่จบสิ้น   มองทะลุทุกมิติชีวิตคน    ทุก  ครัวเรือนต่างมีปัญหาที่แตกต่างกันไป     ต้องยอมรับและอย่าทุกข์ระทมขมขื่น       ผูกเจ็บฝังใจ 

                         (10) การมีบุตรชายหญิงเป็นภาระหน้าที่ของพ่อแม่  เลี้ยงดูอุ้มชูในอ้อมกอดย่อมเป็นสุข   ลูกหลานต่างมีบุญวาสนาของตน   อย่าควบคุมบังคับเหมือนใส่กรง   

                         (11)  ชีวิตมนุษย์เสมือนผึ้งน้อย  เช้าโน่น  เย็นนี่      ตระเวนดูดน้ำหวานจากเกสรดอกไม้    สร้างสรรค์เป็นน้ำผึ้ง   เหนื่อยยากมาทั้งชีวิตเพื่อใคร   วาระสุดท้ายกลับสูญเปล่าไร้ค่าส่วนตน       มองเห็นธาตุแท้   รู้เช่นเห็นชาติ   ควรผ่อนคลายการขับเคี่ยว     ลดละแย่งชิง     ทะนุถนอม   รักษากายใจ   เพื่อความสุขสมบูรณ์ในวัยชราดั่งใจปอง

                         (12)  มองจากไกลเห็นโรงพยาบาลคล้ายสวรรค์     มองเข้าใกล้เหมือนธนาคาร   ดึงดูดกอบโกยทรัพย์นับไม่ถ้วน     เข้าไปเหมือนห้องขัง ต้องป้องกันอย่าเข้าใกล้โดยเด็ดขาด    

                         (13)  สุขภาพดีเป็นสินทรัพย์นับไม่ถ้วน    สุขภาพดีเหมือนออมทรัพย์   โรคภัยไข้เจ็บคือการกู้เงิน-ใช้หนี้  ป่วยหนักอาจล้มละลายหมดตัวได้

                         (14)  ลุกขึ้นปกป้องสุขภาพ   ไม่นอนรอให้ใครมาหลอกเอาเงินไป     ไม่ดูแลสุขภาพเท่ากับเลี้ยงดูหมอ    ช่วยเหลือโรงพยาบาล    มองการณ์ไกล    รักครอบครัว   ต้องรักษาตัวตนก่อน  

                         (15) ชีวิตนั้นแสนสั้น    อย่ามัววุ่นวายกับการหาเงินหาทอง      แม้มีมากเพียงใด  ก็ไม่อาจใช้มันห้ามตะวันตกดินได้    เงินทองซื้อสุขภาพไม่ได้     ความเป็นความตายเป็นชะตากรรม       มั่งคั่งรวยเป็นลิขิตฟ้ายากจะฝ่าฝืน  แม้บุญไม่มาดันไปก็ไร้ผล  ต้องวิเคราะห์เจาะลึก   รู้ซึ้งใดหนัก-เบา   ลาภยศสรรเสริญ   เป็นเพียงปุยเมฆลอยผ่าน     มั่งมีศรีสุข เป็นแค่งานเลี้ยงฉลอง      แค่พริบตาเดียวเส้นผมขาวโพลนเต็มศีรษะ    เรื่องราวทั้งหลายผ่านไปราวหมอกควัน    ไม่ควรเอาเป็นเอาตายทุกเรื่องราว   รกจิต                หมองใจ      ทรมานกายเปล่า ๆ    

                        ขอมอบเคล็ดลับ 10 สิ่งให้ชื่นใจ  (1)  เปิดใจกว้าง    (2)  คิดให้ตก    (3)  ทิ้งให้ได้  (4)  วางให้ลง   (5)  ยอมถอย    (6)  ให้อภัย   (7)  เห็นใจ     (8) ละทิ้ง    (9)  ยินยอม    (10) มีคุณธรรม  

                        นี่คือปัญญาเพื่อชี้นำชีวิตคนทั้งปวงจากชายวัย 92 ปี ครับ.