'ไทยโชคดี เมื่ออินทรี (B3W) แข่งมังกร (BRI)'

'ไทยโชคดี เมื่ออินทรี (B3W) แข่งมังกร (BRI)'

ข่าวใหญ่สะเทือนโลกจากการประชุมกลุ่มเจ็ด G7 ที่อังกฤษสัปดาห์นี้ รัฐบาลอเมริกันโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน

ประกาศเป็นผู้นำประเทศร่ำรวยทำโครงการใหญ่ Build Back Better World (B3W)  แข่งกับ Belt Road Initiative (BRI) ของจีน เพื่อพัฒนาสาธารณูปโภคในประเทศรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง งบประมาณตั้งไว้ 40 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปีค.ศ. 2035 เงินนี้จะมาจากภาคเอกชน และจะลงทุนโดยเน้นเรื่องสำคัญคือ"สิ่งแวดล้อม สุขภาพ ดิจิทัลเทคโนโลยี ความเสมอภาคทางเพศและเศรษฐกิจ" 

ที่สำคัญคือสหรัฐไม่ต้องการเพียงแค่จะแข่งขันกับจีนทางเศรษฐกิจ แต่ต้องการเสนอทางเลือกของการดำรงชีวิต มาตรฐาน วัฒนธรรมและหลักการโดยทั่วไปเช่นเรื่องสิทธิมนุษยชน กลุ่มเศรษฐกิจใหญ่ในตะวันตกมักจะชี้ให้เห็นว่าจีนขาดความโปร่งใส ไม่เข้มงวดเรื่องสิ่งแวดล้อม หย่อนยานเรื่องการดูแลสิทธิและความปลอดภัยของลูกจ้างเป็นต้น

BRI หรือเส้นทางสายไหมยุคใหม่ของจีนประสบความสำเร็จมาก โดยมีกว่า 100 ประเทศเซ็นสัญญาร่วมมือในการพัฒนาโครงการใหญ่หลายอย่าง เช่นรถไฟ ท่าเรือ ถนน และอื่นๆ ปัจจุบันกว่า 2,600 โครงการ มีวงงบประมาณ 3.7ล้านล้านดอลลาร์ (แต่ประมาณ 20% ของโครงการต้องหยุดชะงักชั่วคราวเพราะ โควิด-19)

การเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของจีนตั้งแต่ปีค.ศ. 1979 เป็นต้นมา ทำให้เกิดความกังวลในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมที่ร่ำรวยทางตะวันตก ปี1979เศรษฐกิจของจีนมีขนาดเล็กกว่าประเทศอิตาลี แต่ปัจจุบันกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับสองของโลกและเป็นที่หนึ่งของเทคโนโลยีใหม่หลายอย่าง

BRI เริ่มเปิดตัวเมื่อปีค.ศ. 2013 โดยแผนเชื่อมโยง 68 ประเทศ ซึ่งเป็นจำนวนประชากร 65% ของโลกและจีดีพี 40% ผ่านไประยะหนึ่งก็เริ่มมีเสียงท้วงติงว่า โครงการนี้ทำให้จีนได้เปรียบในการแพร่อิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมือง กลุ่มมหาอำนาจทางตะวันตกเริ่มมีปฏิกิริยาตอบโต้ โดยใช้กลยุทธ์หลายด้าน ทั้งแสดงพลังทางกฎหมายซึ่งควบคู่กับความแพร่หลายและอิทธิพลของดอลล่าร์อเมริกัน ซึ่งเป็นสกุลตราเงินยอดนิยมอันดับหนึ่งในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ 

สงครามจิตวิทยาและการโฆษณาชวนเชื่อจากหลายฝ่าย และตอบโต้กันกลับไปมา ส่งผลให้หลายประเทศเกิดความสับสนและกังวลใจ ชอบจีนแต่เกรงใจตะวันตก อเมริกาถูกเรียกร้องให้ประกาศตัวเป็นผู้นำมาคานจีน จนกระทั่งประธานาธิบดีBiden อาศัยประสบการณ์การเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหลายทศวรรษ ทำให้มีน้ำหนักและความศรัทธา ออกมาประกาศโครงการใหญ่ B3W

G7หรือกลุ่มเจ็ดเกิดขึ้นมาโดยเหตุเรื่องการเงิน ตั้งแต่ค.ศ. 1973 ซึ่งรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ เชิญเยอรมนี ฝรั่งเศสและอังกฤษ ปรึกษากันทำยุทธศาสตร์การเงิน เพื่อดูแลความมั่นคงของระบบการเงินและพลังงาน ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจของระบอบที่นำโดยชาวตะวันตก เวลาผ่านไปกลุ่มเพิ่มขึ้นเป็นเจ็ดประเทศ (รัสเซียถูกเชิญเข้ามาเป็นG8 ปี1997และถูกเชิญออกปี 2014)

ธนาคารโลก World Bank ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหรัฐและมีสมาชิก 189 ประเทศ เป็นสถาบันการเงินที่สำคัญในการให้เงินกู้และเงินช่วยเหลือต่อประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลาง การบริหารขึ้นอยู่กับ 20 ประเทศใหญ่ซึ่งเป็นผู้ลงทุนและการลงคะแนนเสียงเป็นไปตามสัดส่วนของเงินทุน ในทางปฏิบัติแล้วอเมริกาจะได้เปรียบกว่าโดยมีคะแนนเสียง 358,490 เทียบกับอันดับสองคือญี่ปุ่น 166,094, จีน 107,244, เยอรมนี 97,224 ฝรั่งเศส 87,241 อังกฤษ 87,241 ฯลฯ 

เมื่ออเมริกาและพันธมิตรลงคะแนนเสียงในเรื่องสำคัญ จีนจะเจออุปสรรคมาก จึงทำให้เกิดความคิดในการทำโครงการBRI และมีการเปิดธนาคารควบคู่กันคือ Asian Infrastructure Investment Bank (AIIB) สำนักงานใหญ่อยู่ที่ปักกิ่ง มีสมาชิก 103 ประเทศ ลักษณะเป็นการแข่งกับธนาคารโลกและ international Monetary Fund (IMF)

เงินดิจิทัลจีน (Digital RMB)เป็นการพัฒนานำหน้าไปก่อนของธนาคารชาติจีนเริ่มต้นเมื่อเมษายนที่ผ่านมา เพื่อเป็นการใช้แลกเปลี่ยนในการค้าในประเทศและต่างประเทศ โดยมีธนาคารชาติของจีนเป็นประกัน เมื่อยกเลิกการใช้เงินเหรียญและกระดาษ หันมาให้ออนไลน์ล้วน ก็จะส่งผลให้ต้นทุนต่ำและมีความฉับไว บริษัทเอกชนเช่น Alipay, WeChat ฯลฯ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซ และรับจ่ายเงินผ่านออนไลน์ แต่ยังต้องเชื่อมโยงกับธนาคารพาณิชย์ ก็จะตัดขั้นตอนออกไปเพราะเงินดิจิทัลนั้น จะอยู่ที่โทรศัพท์มือถือของผู้ใช้ และไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีธนาคารพาณิชย์ ธนาคารชาติของจีนจะเชื่อมโยงบัญชีกับผู้บริโภคโดยตรง 

หลายประเทศในตะวันตก รวมทั้งอเมริกา กำลังดำเนินการเพื่อทำเงินดิจิทัลเช่นกัน เทคโนโลยีพร้อมแล้วแต่อาจต้องปรับค่านิยม วัฒนธรรม ความเชื่อ ความกังวลเรื่องรัฐบาลเข้าแทรกแซงชีวิตส่วนตัวของชาวตะวันตก ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ล่าช้า 

โครงการใหญ่หลายอย่างเกิดขึ้นเนื่องจากการแข่งขันของอำนาจเก่ากับอำนาจใหม่ อย่างกรณีนี้จะเห็นได้ว่าประเทศที่มีอารยธรรมเก่าแก่หลายพันปี และมีประชากรจำนวนมากซึ่งมีพื้นฐานการศึกษาและความสามารถในการดิ้นรนแสวงหาโอกาสพัฒนาตนเองเสมอ เมื่อมีเครื่องมือช่วยเสริมโดยเฉพาะเทคโนโลยีของการสื่อสารและการคำนวณ ทำให้กติกาเปลี่ยน  ปัจจัยและความเป็นไปได้เริ่มเปลี่ยน จึงเกิดมีความกล้านำไปก่อน หรืออาจดูเหมือนการท้าทายและเตือนสติมหาอำนาจตะวันตกซึ่งได้เปรียบมาสองศตวรรษ 

ไทยเป็นประเทศที่ถือว่าสำคัญมากสำหรับยุทธศาสตร์ของประเทศมหาอำนาจใหญ่ทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและจีน ชาวไทยโพ้นทะเลจำนวนมากที่สุดอาศัยอยู่ในอเมริกาเกือบ 400,000 คน ส่วนชาวไทยเชื้อสายจีนมีไม่ต่ำกว่า 8,000,000 คน ซึ่งถือว่าเป็น"ชาวจีนโพ้นทะเล"มากที่สุดในโลก อีกทั้งภูมิรัฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และศักยภาพของไทย ทำให้สองมหาอำนาจ ทั้งอินทรีและมังกร ต้องพิถีพิถันในการคบค้าสมาคมกับไทยเป็นพิเศษ

บางครั้งเราอาจจะมีความหวาดระแวง รับผลกระทบจากการโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อโน้มน้าวให้เราต้องเลือกฝ่าย เข้ากับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ข้อมูลยุยง ข่าวปลอม มีมากทุกวัน จนผู้บริโภคข่าวแยกแยะไม่ออก แต่แทบทุกครั้งที่ผ่านมาแม้ว่าจะเป็นวิกฤตใหญ่น้อยเช่นใด ไม่ว่าเราจะมีโทสะหรือต้องอดทนกล้ำกลืนใจ ไทยเรามักจะเห็นผลลัพธ์ในทางบวกจากสองมหาอำนาจ เรื่องน้ำใจความช่วยเหลือเรื่องวัคซีนเป็นตัวอย่างล่าสุดที่ทำให้เราเห็นว่าไทยมีความสำคัญมากต่อสองยักษ์ใหญ่นี้ 

โครงการใหญ่มหึมา ซึ่งถือธงนำด้วยยักษ์ทั้งสอง ทั้ง B3W & BRI เราไม่ต้องเลือกเข้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง การทูต world class ของไทยเป็นที่ยอมรับ ไทยมีคุณสมบัติและความพร้อมที่จะร่วมมือสร้างสรรค์โดยสันติ มังกรหรืออินทรี หากโครงการดีเราพร้อมรับเสมอครับ