ทักษะผู้นำธุรกิจเอสเอ็มอีภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน

ทักษะผู้นำธุรกิจเอสเอ็มอีภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน

เมื่อเปรียบเทียบอดีตที่มีความเชื่อว่าความสามารถของผู้นำธุรกิจเอสเอ็มอีที่จะประสบความสำเร็จขึ้นอยู่กับประสบการณ์-ความเชี่ยวชาญพิเศษเฉพาะด้าน

ไม่ว่าจะเป็น เอสเอ็มอีที่มีความสามารถในด้านการผลิต เอสเอ็มอีที่มีความสามารถในด้านการตลาด หรือแม้กระทั่งเอสเอ็มอีที่มีความสามารถในการสร้างมนุษยสัมพันธ์กับผู้คนรอบด้าน

แต่สถานการณ์ปัจจุบัน ภายใต้บรรยากาศทางธุรกิจที่ผันผวนแบบคาดการณ์ไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป แม้กระทั่งเรื่องของโรคระบาดรุนแรงที่ไม่เคยมีใครคิดว่าจะได้เห็น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดนวัตกรรมล้ำยุค ทำให้บริบทที่เคยมีอยู่ทั้งในด้านการผลิต ข่าวสารข้อมูล การสื่อสาร การคมนาคม ฯลฯ ที่ทำให้การทำธุรกิจในปัจจุบัน โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี จะอยู่นิ่งๆ กับความสำเร็จจากความเชี่ยวชาญเดิมที่มีอยู่อีกต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

เข้าทำนองคำเตือนที่คุ้นชินกันว่า “ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันความสำเร็จของการดำเนินงานในอนาคต”

สภาพแวดล้อมของธุรกิจเอสเอ็มอีเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเปลี่ยนจากความได้เปรียบจากความรู้ความชำนาญเชิงลึกเฉพาะด้าน กลายเป็นการสร้างความได้เปรียบจากทักษะในเชิงกว้างในหลายๆ ด้านพร้อมๆ กัน จำเป็นที่ผู้นำของธุรกิจเอสเอ็มอีจะต้องปรับตัวเองให้คล่องตัวอย่างรอบด้าน

โดยต้องเน้นไปที่ทักษะและความสามารถในการประเมินและตัดสินใจภายใต้สถานการณ์ที่คลุมเครือ ไม่แน่นอน ไม่มีข้อมูลครบถ้วน หรือมีข้อมูลที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นข้อมูลจริงหรือไม่จริง และเป็นข้อมูลที่เป็นเพียงความรู้สึก หรือความรู้สึกร่วมของผู้คนเท่านั้น

ดังนั้น การผสมผสานระหว่างความเชี่ยวชาญในเชิงลึกเฉพาะด้าน กับความรอบรู้ในเชิงกว้างกับทุกๆ เรื่องที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับทิศทางในการดำเนินธุรกิจ จึงเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้นำธุรกิจในปัจจุบันที่จะต้องรักษาความสมดุลระหว่างความลึกกับความกว้าง ภายใต้สถานการณ์ที่แตกต่างกัน เพื่อที่จะสามารถเลือกเครื่องมือหรือวิธีการในการรับมือแก้ปัญหาของธุรกิจได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

สำหรับผู้นำธุรกิจที่มีประสบการณ์มาก่อนในอดีต การปรับทัศนคติให้เกิดทักษะในการมองเห็นภาพกว้างนอกเหนือจากสิ่งที่เกิดขึ้นภายในธุรกิจของตนเอง เป็นเรื่องที่ผู้นำของธุรกิจจะต้องตระหนักและเตรียมตัวให้พร้อม

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องมีการตัดสินใจทางธุรกิจสำหรับอนาคต ผู้นำควรจะต้องพิจารณาถึงปัจจัยภายนอกที่อาจทำให้เกิดผลกระทบอย่างรอบคอบมากขึ้น

การหาข้อมูลธุรกิจ อาจต้องให้ความสนใจกับทิศทางการเคลื่อนไหวของธุรกิจประเภทอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่เราทำอยู่ เช่น เอสเอ็มอีภาคการผลิต อาจต้องติดตามข้อมูลของธุรกิจค้าปลีก หรือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เครื่องมือและเทคโนโลยีใหม่ๆ ทางการเงิน ไปพร้อมๆ กับการติดตามข้อมูลเฉพาะเทคโนโลยีเครื่องจักรและการผลิต เท่านั้น

ข้อมูลต่างๆ ในปัจจุบันเข้าถึงได้อย่างง่ายดายด้วยระบบอินเตอร์เน็ต ขึ้นอยู่กับว่าผู้นำธุรกิจเอสเอ็มอีจะเลือกอ่านและเชื่อถือข้อมูลประเภทใด ซึ่งถือได้ว่าเป็นทักษะที่สำคัญอีกประการหนึ่งในการหาข้อมูลที่มีอยู่มากมายภายใต้โลกของเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตและความก้าวหน้าของแนวคิดปัญญาประดิษฐ์

การมองภาพกว้างและเข้าใจถึงสภาพธุรกิจที่กำลังจะเปลี่ยนทิศทาง จะทำให้ผู้นำธุรกิจเอสเอ็มอีเกิดความคล่องตัวในการเปลี่ยนแปลงเป้าหมายให้ทันสถานการณ์ และการเลือกตัดสินใจที่จะประคับประคองธุรกิจให้เดินต่อไปได้ภายใต้สภาวะวิกฤติเพื่อตั้งหลักต่อไปหลังวิกฤติผ่านพ้น

การปรับธุรกิจเอสเอ็มอีให้เป็นองค์กรที่อยู่ในระนาบกว้างมากกว่าที่จะยึดอยู่ในระนาบเชิงลึก นอกจากตัวผู้นำแล้ว การเลือกพนักงานหรือผู้ร่วมงานที่มีพื้นฐานประสบการณ์ที่หลากหลาย หรือคนที่มีความสามารถในตัวเองหลายด้าน เข้ามาร่วมงานในลักษณะทำงานเป็นทีม ก็จะทำให้ธุรกิจมีความคล่องตัวต่อการแก้ปัญหาเชิงซ้อนได้ดีขึ้น

ในประเทศตะวันตก ความหลากหลายของเชื้อชาติ ประเทศถิ่นกำเนิดที่แตกต่างกัน จะทำให้เกิดส่วนผสมของความคิดอ่านและความคิดริเริ่มได้ดี ซึ่งประเทศซีกโลกตะวันออก เช่น ประเทศไทยเรา ยังไม่มีประสบการณ์มากพอในเรื่องความหลากหลายทางเชื้อชาติของแรงงานมากพอ

เป็นที่แน่นอนว่า ธุรกิจเอสเอ็มอี จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ในอนาคตที่ไม่แน่นอน ทำนายได้ยาก ผันผวนเปลี่ยนแปลงเร็ว ซึ่งการบริหารจัดการธุรกิจ จำเป็นที่ผู้นำหรือเจ้าของธุรกิจ จะต้องปรับตัวและสร้างทักษะการบริหารให้เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างรวดเร็วที่สุด

เท่าที่จะทำได้!!??!!!