มองอเมริกาหันหน้าเข้าสู่ภาวะปกติ

มองอเมริกาหันหน้าเข้าสู่ภาวะปกติ

ตัวชี้วัดบ่งชัดว่า สหรัฐกำลังเดินเข้าสู่ภาวะปกติ  ตัวเลขที่สื่ออ้างถึงกันในสัปดาห์นี้ได้แก่ เกินครึ่งของผู้ใหญ่ในสหรัฐได้รับวัคซีนโควิดแล้ว

           อีกไม่นานวัยรุ่นอเมริกันจะได้รับวัคซีนด้วยเนื่องจากวัคซีนไฟเซอร์ได้รับการรับรองว่าปลอดภัยสำหรับวัยรุ่นแล้วและคาดว่าอีกไม่นานวัคซีนโมเดอร์นาจะได้รับการรับรองเช่นเดียวกัน  ด้วยเหตุนี้ โรงเรียนทั่วสหรัฐจะเปิดภาคเรียนแรกของปีการศึกษาใหม่ได้ตรงเวลา นั่นคือ ช่วงปลายเดือนสิงหาคมต่อกับกันยายน 

สำหรับในกรุงวอชิงตัน เหตุการณ์ที่ชาววอชิงตันพากันดีใจถึงกับไปฉลองกันตามร้านอาหารคือ ร้านเหล่านั้นได้รับอนุญาตให้เปิดบริการตามปกติแล้วเนื่องจากชาววอชิงตันได้รับวัคซีนกันเป็นส่วนใหญ่และการแพร่กระจายของไวรัสแทบจะไม่ปรากฏให้เห็นจนเป็นที่น่ากังวลอีกต่อไป  ส่วนในพื้นที่รอบกรุงวอชิงตันซึ่งอยู่ในสังกัดของรัฐแมรีแลนด์และเวอร์จีเนียก็เช่นกัน  ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนแล้วและคาดว่าอีกไม่นาน บริษัทห้างร้านจะเปิดบริการได้ตามปกติ

จำนวนของประชาชนที่ได้รับวัคซีนเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้จำนวนผู้เจ็บป่วยด้วยโควิด-19 ลดลงจากวันละ 2-3 แสนคนในช่วงเดือนมกราคมมาเหลือวันละราว 2 หมื่นคนในสัปดาห์นี้  ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตลดจากวันละหลายพันคนลงมาที่วันละ 600 คน  นอกจากวัคซีน ยังมีปัจจัยอื่นที่มีความสำคัญ เช่น การปิด หรือจำกัดบริการของห้างร้าน การทำงานอยู่ที่บ้าน การสวมหน้ากากอนามัย การไว้ระยะห่างกัน การล้างมือบ่อย ๆ เมื่อจำเป็นต้องออกไปทำงาน หรือใช้บริการของห้างร้าน  ยิ่งกว่านั้น อากาศที่อุ่นขึ้นหลังหมดฤดูหนาวก็มีส่วนทำให้การกระจายของไวรัสลดลงเนื่องจากผู้คนออกไปใช้เวลานอกอาคารอันเป็นสถานที่โล่งแจ้งได้มากขึ้น

เนื่องจากในช่วงที่ไวรัสระบาดอย่างหนัก กิจการต่าง ๆ ต้องปิด หรือลดการผลิตลงส่งผลให้ตอนนี้เริ่มมีการขาดแคลนสินค้าบางอย่างพร้อมกับการพยายามจ้างคนงานให้กลับมาทำงานอย่างเร่งด่วน  กิจการหลากหลายอย่างยังหาคนงานไม่ได้ตามต้องการส่งผลให้ราคาสินค้าบางอย่างเริ่มเพิ่มขึ้น  ปรากฏการณ์เหล่านี้บ่งชี้ว่า อีกไม่นานเศรษฐกิจอเมริกันจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติหากไม่มีอะไรมาทำให้ทิศทางเปลี่ยน เช่น การกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนา หรือการอุบัติขึ้นมาของไวรัสตัวใหม่ซึ่งวัคซีนที่มีอยู่ป้องกันไม่ได้

เมื่อมาถึงวันนี้ มีชาวอเมริกันป่วยด้วยโควิด-19 กว่า 34 ล้านคนและในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตเกิน 6 แสนคนซึ่งมากกว่าทุกประเทศ  หากไม่มองว่าบางประเทศอาจไม่สามารถติดตามจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตเพื่อนำมาเปิดเผยได้ในแนวเดียวกับสหรัฐ ปัจจัยที่ทำให้ชาวอเมริกันป่วยและตายสูงที่สุดในโลกคงเพราะจำนวนมากเป็นผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่ในบ้านคนชรา  การอยู่ร่วมกันแห่งละมาก ๆ ของผู้สูงวัยที่มักมีภูมิต้านทานต่ำ หรือมีสุขภาพอ่อนแออยู่เป็นเบื้องต้นแล้วเป็นปัจจัยที่ทำให้ไวรัสแพร่กระจายได้สูงมาก  เมื่อผลิตวัคซีนได้ สหรัฐจึงให้กลุ่มผู้สูงวัยได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มแรกส่งผลให้การแพร่กระจายของไวรัสลดลงอย่างรวดเร็ว

ดังเป็นที่ทราบกันดี เทคโนโลยีใหม่เอื้อให้การผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 สำเร็จได้ภายในเวลาเพียงปีเดียวซึ่งเร็วมากหากเปรียบกับการผลิตวัคซีนในอดีตซึ่งอาจใช้เวลานับ 10 ปี  เทคโนโลยีใหม่เกิดจากการวิจัยพื้นฐานกับพัฒนาที่เกิดขึ้นในสังคมก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง  ผลดีของการวิจัยและเทคโนโลยีจึงมีผลดีเป็นที่ประจักษ์ 

อย่างไรก็ดี ณ วันนี้ยังมีการถกเถียงกันอย่างเข้มข้นว่า โควิด-19 อุบัติขึ้นในธรรมชาติด้วยตัวของมันเอง หรือถูกสร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการแล้วกระจายออกมา อาจจะด้วยความจงใจหรือโดยอุบัติเหตุก็ได้  ความไม่รู้แน่ชัดนี้มักเกิดการชี้นิ้วไปที่สหรัฐและจีนเนื่องจากทั้งคู่มีการวิจัยและพัฒนาก้าวหน้ากว่าชาวโลกโดยทั่วไป และการวิจัยและพัฒนานั้นมีเป้าหมายในการสร้างอาวุธชีวภาพ  แม้การชี้นิ้วนี้จะไม่มีหลักฐานมาแสดง แต่มันยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า เทคโนโลยีมักมีคำสาป  มันยิ่งร้ายหากใช้ด้วยมิจฉาเจตนา.