โตเกียวโอลิมปิก: นายก vs. ประชาชน

โตเกียวโอลิมปิก: นายก vs. ประชาชน

มหกรรมกีฬาโอลิมปิก ขณะนี้กำลังวุ่นวาย เพราะนายกญี่ปุ่นฯ ประกาศเดินหน้า แต่ประชาชน ประกาศต่อต้าน

ไม่น่าเชื่อว่า มหกรรมกีฬายิ่งใหญ่ที่สุดของโลก เหลือเวลาอีกเพียง 7 สัปดาห์ แต่ถึงวันนี้ก็ยังถกเถียงกันว่า ควรจัดหรือไม่ 

สาเหตุก็มาจาก โควิด-19 นั่นแหละครับ ที่ทำให้ประชาชนชาวญี่ปุ่น และองค์กรต่างๆ ออกมาแสดงความเห็นกันมากมาย มีการเดินขบวนบนท้องถนน เรียกร้องให้รัฐบาลเลื่อน หรือยกเลิก ไปเลย 

เพราะการระบาด ของโควิด-19 ระลอกที่ 4 ยังมีความรุนแรงมาก จนทำให้ระบบสาธารณสุขของญี่ปุ่น ไม่สามารถรองรับได้อย่างเต็มที่แล้ว  

พูดง่ายๆว่า ชาวญี่ปุ่นไม่มีอารมณ์ที่จะเป็นเจ้าภาพ หรือที่จะชมการแข่งขันครั้งนี้ ตรงนี้เราก็พอเข้าใจได้ เพราะคนไทยเรา เวลานี้ก็ไม่ค่อยจะมีอารมณ์ตื่นเต้น กับอะไรมากนัก มันเฉาๆเหงาๆยังไงก็ไม่รู้เนาะ 

การสำรวจในระยะหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ชาวญี่ปุ่นเกินครึ่งหรือประมาณ 60% ต้องการให้ยกเลิก หรืออย่างน้อย ก็เลื่อนการแข่งขันนี้ออกไป 

สัปดาห์ที่แล้ว รอยเตอร์ สำรวจบริษัทญี่ปุ่นขนาดใหญ่และกลาง 230 บริษัท  ผลที่ออกมาก็ไม่ต่างกัน คือ 70% ของบริษัทที่สำรวจ ตอบว่า “ยกเลิกเถอะ” ในขณะที่ สมาคมแพทย์ญี่ปุ่น หลายสมาคม ก็ออกมาเรียกร้องแบบเดียวกัน   

สรุปว่า เสียงต่อต้านดังเกรียวกราว แบบเดียวกับเสียงร้องของจักจั่น ที่ต้นไม้บ้านผม ในยามโพล้เพล้เลยครับ 

เมื่อวันพุธนี้ หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ Ashahi Shimbun เขียนบทบรรณาธิการ บอกว่า ยกเลิกเถอะ ในขณะที่  Masayoshi Son มหาเศรษฐีอันดับหนึ่ง แห่ง SoftBank Group ก็เรียกร้องเช่นเดียวกัน 

เขากล่าวว่า “คนญี่ปุ่น 80% ต้องการให้เลิกหรือเลื่อน แล้วคุณเป็นใคร เอาอำนาจอะไร ที่จะมาดึงดันให้แข่งขัน? เรียกว่าถามแรงเลยนะครับ 

ศาสตราจารย์ด้านโรคระบาดของ Otago University บอกว่า ถ้ารัฐบาลยังดื้อดึงจะจัดให้ได้ ถือว่าเป็นเรื่อง Absurd อย่างยิ่ง แปลเป็นไทยก็ทำนองว่า “โง่เขลา เบาปัญญา” นั่นแหละครับ 

ก็ใครจะไม่กลัวเล่าครับ ในเมื่อคนญี่ปุ่น เพียง 4.4% เท่านั้นเอง ที่ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้ว เป็นตัวเลขที่ น้อยที่สุด ในบรรดาประเทศที่ร่ำรวยของโลก 

แม้เสียงต้านจากประชาชนจะแรงมาก แต่รัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี Yoshihide Suga ก็ยังยืนยันเดินหน้า ทั้งๆที่ได้ประกาศให้หลายเมือง อยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น โตเกียว โอซาก้า ฮอกไกโด และฮีโร่ชิมา แน่นอนครับ คณะกรรมการโอลิมปิกนานาชาติ (IOC)  ก็ประกาศเดินหน้าเช่นกัน 

IOC ถูกวิจารณ์ว่าเห็นแก่ประโยชน์ทางการเงิน โดยไม่คำนึงถึงชีวิตมนุษย์ ส่วนนายกรัฐมนตรี Suga แม้กำลังถูกกดดันจากหลายทิศทาง แต่เมื่อวันพุธ เขาได้กำลังใจจากรายใหญ่ครับ 

เพราะ โจ ไบเดน ประกาศว่าจะสนับสนุน ให้ญี่ปุ่นจัดการแข่งขัน ตามกำหนดการเดิม ทั้งๆที่อเมริกาเอง ก็เพิ่งประกาศไปหมาดๆว่า ขอให้คนอเมริกันไม่เดินทางไปญี่ปุ่น เพราะมีความเสี่ยงเรื่องโควิด... มันก็สับสนดีนะครับ 

ส่วนนักกีฬาก็มีทั้งสองฝ่าย นักเทนนิส Naomi Osaka และระดับตำนานอย่าง Serena Williams และ Roger Federer ก็บอกว่า ไม่แน่ใจว่าจะเข้าร่วมแข่งหรือไม่  และ Federer เอง ยังเรียกร้องให้ยกเลิกการแข่งขัน แต่นักยิงปืนชาวอินเดียประกาศว่า ซ้อมมาขนาดนี้จะไม่แข่งได้อย่างไร ส่วนนักกีฬา Softball ของออสเตรเลีย ก็มีกำหนดการ จะไปเริ่มฝึกซ้อมที่ญี่ปุ่น สัปดาห์หน้านี้ 

สิบวันก่อน ผมโพสต์ใน Facebook ว่า ผมเชื่อว่าแรงต้านจากประชาชนชาวญี่ปุ่นรวมทั้งแพทย์ นักธุรกิจ และสื่อมวลชนใหญ่ๆ น่าจะทำให้นายกฯญี่ปุ่นต้องยอมแพ้ มาถึงสัปดาห์นี้ ก็เห็นชัดว่า กระแสต้านยิ่งรุนแรงมากยิ่งขึ้น  

แต่เมื่อนายกรัฐมนตรี Suga ยืนยันที่จะเดินหน้า และรัฐบาลอเมริกา รวมทั้ง IOC ก็ยืนยันเดินตามแผน ตรงนี้คงจะเป็นประเด็นที่จะต้องติดตาม ว่าในที่สุดแล้วผลจะออกมาเป็นเช่นใด ใครจะชนะ ส่วนผมยังเชียร์ชาวญี่ปุ่นครับ ยังเชียร์ให้นายกรัฐมนตรี เป็นฝ่ายแพ้  

แต่ถ้ารัฐบาลญี่ปุ่นยังดื้อดึงจัด บรรยากาศการแข่งขัน ก็คงแห้งแล้ง ไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน หรือบริษัทต่างๆ รวมทั้งอาจจะเกิดความวุ่นวายอะไร ที่เรานึกไม่ถึง ก็เป็นไปได้   

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังมีเวลาอีกเกือบสองเดือน รัฐบาลจะจัดการกับโควิด ให้ถึงระดับ “เอาอยู่” หรือไม่ แต่น่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะภูมิคุ้มกันหมู่น่าจะยังไม่เกิด ก็ลองดูตัวอย่างที่ไต้หวัน และสิงคโปร์ ที่กำลังหนักหนาสาหัสด้วยโควิดระลอก 4 ทั้งๆที่ไต้หวันนั้น ปีที่แล้วเคยได้รับการยกย่องจากทั่วโลก ว่าควบคุมโควิดได้ดีเยี่ยม  

แต่ความสำเร็จทำให้ประมาท ไต้หวันประมาทนิดเดียว คือลดการกักตัวกัปตันสายการบินๆต่างๆที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนและบินเข้าประเทศ โดยลดจำนวนวันลงมาเรื่อยๆ จนเหลือ 5 วัน แล้วล่าสุดก็เหลือ 3 วัน เท่านี้แหละครับ ได้เรื่องเลย 

เพราะกัปตันเอาเชื้อเข้ามาด้วย และโรงแรมที่กัปตันพัก ก็จัดโปรโมชั่น คนท้องถิิ่นที่เบื่ออยู่บ้าน ก็ไปพักผ่อนกันมากมาย แล้วก็ติดเชื้อกันไปมา พอกลับเข้าเมือง ก็เอาเชื้อไปติดหนูๆที่ย่านบันเทิง... โอ๊ย ไปกันใหญ่  

นี่แหละ ผลจากการที่ไม่มาดูงานที่เมืองไทย ว่าเกิดอะไรที่ทองหล่อ จำไว้นะ เรื่องบันเทิง ต้องไปดูงานที่เมืองไทยเท่านั้น ถือว่าเป็นเบ๊นช์มาร์ค เลยก็ว่าได้ ว้าว...พูดแล้วเขิน  

ส่วนสิงคโปร์ ก็เป็นเกาะเหมือนไต้หวัน ประตูเสี่ยงก็เหมือนกัน คือเข้ามาทางสนามบินเป็นหลัก จึงเกิดคลัสเตอร์ที่สนามบิน ตอนนี้สิงคโปร์เข้มงวดกวดขันกันยกใหญ่แล้วครับ 

ญี่ปุ่นก็เป็นเกาะ มีสนามบินเป็นทางเข้าหลักเหมือนกัน ถ้ามีนักกีฬา สื่อมวลชน และผู้คนเข้ามาหลายหมื่นคน ถ้าเกิดอะไรขึ้น จะโทษใคร นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น อย่างเก่งก็ลาออก แล้วโค้งขอโทษประชาชน  

อาจจะหลั่งน้ำตาเสียใจบ้าง แต่ผลพวงความสูญเสียชีวิตของเหยื่อโควิด มันทดแทนไม่ได้ด้วยอะไรทั้งสิ้น  

ถึงวันนี้ ผมก็ยังยืนยันเหมือนเดิมครับ ยืนยันว่าผมเชียร์ประชาชน ขอให้นายกฯ แพ้ ประชาชน...แต่ขอย้ำว่าผมพูดถึง โอลิมปิกที่ญี่ปุ่นนะครับ  

คุณอย่าไปตีความเป็นอื่น อย่าทำให้ผมเดือดร้อน