สงครามวัคซีนต้านโควิด-19

สงครามวัคซีนต้านโควิด-19

ความหวังที่จะยับยั้งป้องกันโรคโควิด-19 ขึ้นอยู่กับวัคซีน ที่ผู้ผลิตเวชภัณฑ์ในหลายประเทศได้ศึกษาทดลอง และได้รับการรับรองให้ใช้เป็นการเร่งด่วน

                                             

                   โควิด19 ที่เริ่มระบาดตอนปลายปี 2562 ต่อต้นปี 2563 ถึงบัดนี้ระบาดไปทั่วโลก ทั้งสายพันธุ์เก่า และสายพันธุ์ที่มีการกลายพันธุ์ และการวิจัยศึกษาพัฒนาวัคซีนเพิ่งเริ่มดำเนินการเมื่อไม่นานนี้เอง โรงงานที่ผลิตและกระบวนการผลิต ไม่ว่าจะยี่ห้อไหน ไม่อาจสนองปริมาณตามความต้องการใช้วัคซีนทั่วโลกได้ จึงเกิดการแย่งและกีดกันวัคซีนเกิดขึ้น คือประเทศที่ไม่ใช่ผู้ผลิตก็ต้องการวัคซีนสนองความต้องการในการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างความคุ้มกันหมู่ให้กับพลเมืองของตน ประเทศที่ผลิตก็ต้องการเก็บวัคซีนไวใช้ในประเทศของตน เกิดการแย่งวัคซีนกลายเป็น “สงครามวัคซีน”

                  กรณี สหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร

                 กรณีนี้เริ่มต้นมาจากช่วงต้นเดือน ม.ค.2564 สหภาพยุโรป ประสบปัญหาเรื่องความล่าช้าในกระบวนการฉีดวัคซีนให้ประชากรในชาติสมาชิกทั้ง 27 ประเทศ ประเด็นข้อพิพาทแย่งวัคซีนจนเป็นสงครามวัคซีนระหว่างสหภาพยุโรปกับสหราชอาณาจักร บริษัทแอสตร้าเซเนกาผู้ผลิตเวชภัณฑ์รายใหญ่ระดับโลกของสหราชอาณาจักร แจ้งต่อสหภาพยุโรป เมื่อปลายเดือน มกราคม 2564 ว่าจากเดิมที่เดิมที่ แอสตร้าเซเนกาและสหภาพยุโรป ตกลงเรื่องการจัดส่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 80 ล้านโดส ภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ อาจลดลงเหลือเพียง 31 ล้านโดสเท่านั้น

ในเวลาต่อมาสหภาพยุโรปได้ออกมาตรการควบคุมการส่งออกวัคซีนที่ผลิตในสหภาพยุโรปไปยังประเทศที่ไม่ใช่สมาชิก  จนสื่อมวลชนเรียกว่าเป็นสงครามวัคซีนระหว่างสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร ถึงแม้ต่อมาทั้งสองฝ่ายมีทีท่าอ่อนลงก็ตาม

                   กรณีอินเดีย

                 อินเดียเป็นประเทศผู้ ผลิตวัคซีนและส่งออกวัคซีนรายใหญ่ของโลก  สำหรับวัคซีนต้านโควิด ที่อินเดียส่งออกส่วนใหญ่เป็นวัคซีน แอสตราเซเนกา ที่มีราคาไม่สูงที่ส่งให้ประเทศกำลังพัฒนาและเป็นผู้ป้อนวัคซีนให้กับโครงการโคแวกซ์ ที่จัดหาวัคซีนให้ประเทศยากจนที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การอนามัยโลก

เนื่องจากช่วงต้นปีที่ผ่านมา อินเดียเผชิญกับการระบาดที่รุนแรง มีผู้ติดเชื้อ เพิ่มขึ้นเป็นหลักแสน ในแต่ละวัน  ทางอินเดียจึงจำเป็นต้องระงับการส่งออกวัคซีนไว้ชั่วคราว เพื่อสงวนไว้ใช้ในประเทศเพื่อรับมือกับการระบาดที่รุนแรงขึ้น นอกจากการระบาดในอินเดียที่รุนแรงขึ้น

อินเดียยังประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ สารตั้งต้น และส่วนประกอบในการผลิตวัคซีนที่ต้องนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา เพราะสหรัฐอเมริกาควบคุมการส่งออกวัตถุดิบดังกล่าว จนผู้บริหารหน่วยงานที่ผลิตวัคซีนของอินเดีย ต้องออกมาเรียกร้องให้สหรัฐ ปล่อยให้สามารถส่งออกวัตถุดิบดังกล่าวได้ เพื่อให้สามารถผลิตวัคซีน ในอันที่จะช่วยโลกในการยับยั้งการระบาดของโควิด -19

                  จากการที่อินเดียระงับการส่งออกวัคซีนไว้ชั่วคราวดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อประเทศที่ต้องพึ่งพาวัคซีนจากอินเดียไม่ว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วหรือประเทศที่ยากจน

           กรณีฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา

               ประธานาธิบดีของฝรั่งเศส นายเอ็มมานูเอล มาครง เรียกร้องให้สหรัฐ ยกเลิกข้อจำกัด การส่งออกวัคซีนและส่วนประกอบที่ใช้ในการผลิตวัคซีน  และให้ปล่อยวัคซีนส่วนเกินที่ตุนไว้ออกมาบ้าง  โดยทางสหรัฐได้ให้คำมั่นว่าจะบริจาควัคซีนของแอสตรา เซเนกา ที่ตุนไว้ 60 ล้านโดส ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า  นอกจากนี้ประธานาธิบดี ฝรั่งเศส ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า สหราชอาณาจักร ได้กำหนดมาตรการในการควบคุมการส่งออกวัคซีน  แม้ทางการสหราชอาณาจักร จะปฏิเสธ แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีการส่งออกวัคซีนจากสหราชอาณาจักรเลย

          สหรัฐใช้กฎหมายที่ใช้ในยามสงครามควบคุมวัคซีนและส่วนประกอบ

            กรณีการควบคุมการส่งออกวัคซีนและส่วนประกอบ ของสหรัฐอเมริกา นั้น ไม่ปรากฏว่ามีการประกาศมาตรการควบคุมการส่งออกแต่อย่างใด แต่สหรัฐอเมริกาอาศัยอำนาจในภาวะสงคราม ตามกฎหมาย Defense  Production Act 1950  ซึ่งเป็นกฎหมายที่ให้อำนาจฝ่ายบริหารบังคับเอกชนให้ปฏิบัติตามสัญญาในการจัดหาหรือส่งมอบผลิตภัณฑ์ตามที่กำหนดให้รัฐก่อน คู่สัญญาอื่น  แม้จะไม่ประกาศควบคุมการส่งออก แต่เมื่อต้องจัดหาวัคซีนและส่วนผสมให้รัฐก่อน ก็ส่งออกไม่ได้อยู่ดี

             กรณีของไทย 

ประเทศไทยสั่งซื้อวัคซีน แอสตร้าเซเนกา  ล็อตแรกส่งมาถึงไทยแล้ว เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ขณะเดียวกันมหามิตร จีนก็ได้ทยอยส่งวัคซีนซิโนแวค ที่จีนผลิตเองมาหลายล็อตแล้ว    นอกจากนี้วัคซีนแอสตร้าเซเนกาที่ผลิตโดสยามไบโอไซเอนซ์ในประเทศไทยก็ผ่านขั้นตอนได้รับอนุมัติจากหน่วยงานในความรับผิดชอบของกระทรวงสาธารณสุขและผ่านเกณฑ์การตรวจสอบคุณภาพจากห้องปฏิบัติการของแอสตร้าเซเนกาในยุโรปและอเมริกาเรียบร้อยแล้ว แอสตร้าเซเนกาจะส่งมอบวัคซีนที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ล็อตแรกให้ไทยในเดือนพฤษภาคม นี้   และรัฐบาลยังได้เจรจาขอซื้อวัคซีนจากรัสเซีย และผู้ผลิตบางรายในสหรัฐอเมริกา ให้พอเพียงสำหรับฉีดให้ประชาชนให้ ครบเกณฑ์ที่จะเกิดภูมิต้านทานหมู่ทั้งประเทศ จึงสรุปได้ว่าไทยไม่มีปัญหาสงครามวัคซีนกับประเทศใด

                  ไทยเผชิญไทยสงครามก่อการร้ายวัคซีน

                 แม้ไทยไม่มีปัญหาสงครามวัคซีนกับประเทศใด แต่ประเทศไทยต้องเผชิญกับสงครามก่อการร้ายทำลายความเชื่อมั่นวัคซีนโดยคนไทยบางกลุ่ม ด้วยการปล่อยข่าวปลอม ด้อยค่าวัคซีนซิโนแวคจากจีน ปล่อยข่าวให้ร้ายสยามไบโอไซเอนซ์น์ต่างๆนานา  ปล่อยข่าวลือสร้างข่าวปลอม ผลร้ายของการฉีดวัคซีนว่ามีผลข้างเคียงเกินความจริง ส่งข่าวปลอมว่ามีคนตายจากการฉีดวัคซีน ซึ่งไม่เป็นความจริง ทำให้เกิดความลังเลในหมู่ประชาชนในการฉีดวัคซีน

                 ข้อสรุป ในยามที่วัคซีนยังมีการผลิตได้ไม่พอเพียง แต่มีความจำเป็นต้องใช้ จะเห็นได้ว่าทุกประเทศต่างก็ใช้มาตรการเพื่อประโยชน์ของประเทศตนก่อน ประเทศไทยนับว่าโชคดีที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงรัชกาลที่เก้า  ก่อตั้งสยามไบโอไซเอนซ์ ขึ้น แม้ในชั้นนี้จะดำเนินการเพียงรับจ้างผลิตวัคซีนให้แอสตร้าเซเนกา  แต่ก็จะได้รับประสบการณ์ ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีแม้จะเป็นขั้นพื้นฐาน   ซึ่งสามารถต่อยอดต่อไปได้ เป็นการเพิ่มความมั่นคงด้านเวชภัณฑ์สาธารณสุข ขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง

            ต่อไปในอนาคต สยามไบโอไซเอนซ์ คงจะเป็นโรงงานผลิตวัคซีนที่ไทยศึกษาพัฒนาขึ้นเอง หรือวัคซีนที่มีสิทธิบัตรของต่างประเทศหากข้อเรียกร้องในการผ่อนคลายข้อกำหนดในการผลิตวัคซีนที่มีสิทธิบัตรประสบความสำเร็จ และหากจำเป็นก็สามารถใช้มาตรการบังคับใช้สิทธิบัตรผลิตก็ได้.