EU Artificial Intelligence Act เมื่อปัญญาประดิษฐ์จะถูกควบคุม
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และบทบาทความสำคัญที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับวิถ๊ชีวิตคนเรามากขึ้น จึงเป็นที่มา Artificial Intelligence Act
HIGHLIGHTS
- Artificial Intelligence Act เมื่อเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์กำลังจะถูกควบคุมโดยสหภาพยุโรปผ่านมาตรการทางกฎหมายที่ใช้บังคับกับระบบปัญญาประดิษฐ์ที่จำหน่ายหรือถูกใช้ในสหภาพยุโรป
- ผลกระทบของมาตรการกำกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ต่อทิศทางการพัฒนาของอุตสาหกรรมและผลกระทบต่อนักพัฒนาและ ผู้ประกอบการของไทย
เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 สหภาพยุโรปได้ขยับเข้าสู่การกำกับเทคโนโลยีสำคัญของโลกอีกครั้ง เมื่อคณะกรรมาธิการยุโรปได้เสนอร่างกฎหมาย Artificial Intelligence Act (AIA) เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาจัดทำกฎหมายของสหภาพยุโรป โดยเสนอให้จัดทำในรูปแบบของ “Regulation” ซึ่งจะทำให้กฎหมายฉบับนี้หากผ่านการพิจารณาอนุมัติ จะมีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายภายในของประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปทันที โดยร่างกฎหมายดังกล่าวมีหลักการสำคัญหลายประการที่อาจส่งผลกระทบต่อนักพัฒนาทั่วโลก รวมถึงนักพัฒนาในประเทศไทยด้วย
วันนี้ผู้เขียนจึงขอนำหลักการในร่างกฎหมายดังกล่าว มาเล่าให้ท่านผู้อ่านทุกท่านทราบเพื่อการเตรียมความพร้อมสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ที่อาจกลายเป็นอุตสาหกรรมภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้น
หลักการสำคัญของ AIA คือการสร้าง “AI ที่เชื่อถือได้” หรือ Trustworthy AI ซึ่งสหภาพยุโรปได้พยายามสร้างและวางกรอบแนวคิดมาเป็นระยะเวลาหลายปี โดยสหภาพยุโรปเชื่อว่าการมีกรอบนโยบายทางกฎหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์จะทำให้มนุษย์มีความเชื่อมั่นในเครื่องจักร (Machine) มากยิ่งขึ้น และการสร้างความเชื่อมั่นและน่าเชื่อถือต่อเทคโนโลยีดังกล่าวเป็นสิ่งที่ต้องมีและต้องเกิดขึ้น และสหภาพยุโรปยังเชื่อมั่นด้วยว่าการกำหนดจริยธรรมของปัญญาประดิษฐ์ในครั้งนี้จะเป็นการสร้างมาตรฐานของเทคโนโลยีที่สำคัญและทำให้ยุโรปคงความสามารถในการแข่งขันต่อไปได้ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองยุโรปเป็นสำคัญ
AIA ตั้งอยู่บนหลักการกำกับดูแลที่สำคัญ ดังนี้
1.ขอบเขตด้านดินแดนในการบังคับใช้กฎหมาย
(1) AIA ใช้บังคับกับระบบ AI (AI System) ที่จำหน่ายในสหภาพยุโรป ไม่ว่าผู้ให้บริการ (provider) จะจัดตั้งในสหภาพยุโรปหรือไม่ หรือ
(2) กรณีที่ผู้ใช้ (user) อยู่ในสภาพยุโรป หรือ
(3) กรณีที่ผู้ให้บริการและผู้ใช้อยู่นอกสหภาพยุโรป แต่มีผลกระทบจากการใช้เกิดขึ้นในสหภาพยุโรป
หลักการดังกล่าวเป็นการบังคับใช้กฎหมายนอกเขตแดนแห่งรัฐ (extra territorial application of law) ดังนั้น ในกรณีผู้ประกอบการหรือนักพัฒนาของไทย หากเข้าเงื่อนไขข้างต้น แม้จะเป็นผู้ส่งออกเทคโนโลยีก็ตาม ก็อาจต้องปฏิบัติตาม AIA ด้วย
2.ขอบเขตเชิงเนื้อหาที่กฎหมายใช้บังคับ ที่สำคัญมีดังนี้
- กำหนดหลักเกณฑ์ในการจำหน่ายหรือการให้บริการระบบ AI ในสหภาพยุโรป
- ห้ามการใช้ระบบ AI จำพวกที่มีความเสี่ยงที่ไม่สามารถยอมรับได้ (unacceptable-risk AI)
- กำหนดหลักเกณฑ์ในการสร้างความโปร่งใสของระบบ AI ที่จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์
- สร้างกฎในการจัดจำหน่ายและการติดตามภายหลังการจำหน่ายไปแล้วโดยหน่วยงานที่มีอำนาจ 3.การจำแนกประเภทของระบบ AI
AIA เป็นร่างกฎหมายอีกฉบับที่นำระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงมาใช้บังคับ (risk-based approach) โดยจำแนกระดับความเสี่ยงไว้ในตารางแนบท้าย (Annex) สำหรับการใช้ระบบ AI แต่ละประเภทซึ่งสามารปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสม
AIA จำแนกระบบ AI เป็น 4 จำพวก กล่าวคือ
(1) จำพวกที่มีความเสี่ยงที่ไม่สามารถยอมรับได้ (unacceptable-risk AI) อาทิ ระบบ AI ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อคุณค่าของบุคคลหรือละเมิดต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองยุโรป
(2) จำพวกความเสี่ยงสูง (high-risk AI) ซึ่งอนุญาตให้จำหน่ายได้แต่ต้องอยู่ภายใต้กระบวนการกำกับที่เข้มงวด ต้องมีการจัดทำการประเมินความเสี่ยงและการจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ การจัดการด้านธรรมาภิบาลของข้อมูล การบันทึกข้อมูลเพื่อการตรวจสอบ รวมทั้งต้องมีการขออนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลด้วย ตัวอย่างของ high-risk AI อาทิ
- ระบบ AI ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น ระบบขนส่งสาธารณะ
- ระบบ AI ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาและโอกาสเข้าถึงการศึกษา
- ระบบ AI ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์ เช่น ในระบบหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด
- ระบบ AI ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการที่สำคัญโดยเอกชนและการจัดทำบริการสาธารณะ เช่น การจัดลำดับความน่าเชื่อถือด้านการเงินที่ส่งผลต่อการเข้าถึงสินเชื่อของบุคคล
- ระบบ AI ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายที่อาจส่งผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
- ระบบ AI ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการคนเข้าเมือง ผู้อพยพ และการผ่านแดน เช่น การใช้เพื่อการยืนยันเอกสารการเดินทาง
- การบริหารกระบวนการยุติธรรม เช่น การใช้เพื่อการวิเคราะห์ข้อเท็จจริงที่มีความซับซ้อน (3) ความเสี่ยงจำกัด (limited-risk) เช่นพวก แชทบ็อท เป็นต้น (4)ความเสี่ยงต่ำ (minimal-risk) เช่น เกมที่ใช้ระบบ AI 4.ข้อห้ามในการใช้เทคโนโลยีชีวภาพในการระบุตัวตน
โดยหลักการ AIA กำหนดไม่ให้ใช้ระบบการสอดส่องหรือการเฝ้าระวังบุคคลโดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพในพื้นที่สาธารณะโดยหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เนื่องจากถือว่าเป็นการกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง อาทิ การใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเพื่อระบุตัวบุคคลในสถานที่สาธารณะ เป็นต้น
5.กำหนดให้จัดตั้ง European Artificial Intelligence Board เพื่อทำหน้าที่ในการกำหนดทิศทางและสร้างความร่วมมือกันในการบังคับใช้กฎหมายระหว่างรัฐสมาชิก
6.บทกำหนดโทษ
คณะกรรมาธิการยุโรปเสนอกรอบอัตราโทษปรับทางปกครองไว้ 3 ระดับความผิด ตามลักษณะความร้ายแรง ดังนี้ (1) อัตรา 30 ล้านยูโรหรือร้อยละ 6 ของยอดจำหน่าย (2) อัตรา 20 ล้านยูโรหรือร้อยละ 4 ของยอดจำหน่าย และ (3) อัตรา 10 ล้านยูโรหรือร้อยละ 2 ของยอดจำหน่าย
7.กำหนดการบังคับใช้
AIA กำหนดให้กฎหมายมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 2 ปีนับแต่วันที่กฎหมายใช้บังคับ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องมีระยะเวลาดำเนินการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามกฎหมาย
ที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น คือหลักการบางส่วนของร่างกฎหมาย AIA ที่อาจจะมีผลใช้บังคับในอีกราว ๆ 3 ปีข้างหน้า ถ้ากฎหมายฉบับนี้ผ่านการอนุมัติของรัฐสภายุโรป.
อ้างอิง
- Proposal for a Regulation laying down harmonised rules on artificial intelligence, Brussels, 21.4.2021 COM (2021) 206 final 2021/0106 (COD)
- Press Release, New rules for Artificial Intelligence – Questions and Answers