ความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากโควิด 19

ความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากโควิด 19

มหันตภัยโรคระบาดโควิด-19 ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน เป็นคำถามที่นักเศรษฐศาสตร์พยายามค้นหาคำตอบ

 โรคระบาดโควิด-19 เป็นหนึ่งในมหันตภัยระดับโลกที่รุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี เทียบได้กับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (The Great Depression ยุค ค.ศ. 1930) และสงครามโลกทั้งสองครั้ง นักเศรษฐศาสตร์จึงพยายามตอบคำถามว่า โควิด-19 ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน

เมื่อต้นปีนี้ นิตยสาร The Economist ได้คำนวณว่ามูลค่าทางเศรษฐกิจของโลกในปี 2563-64 ที่สูญเสียไปจากการระบาดของโควิด-19 คิดเป็นเงินมากถึง 10.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ล้านล้านคือการมีเลขศูนย์ต่อท้าย 12 ตัว)

สำหรับปี 2563 คำนวณจากการลดลงของ GDP โลกในอัตรา 6.6% เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ในกรณีไม่มีโควิด-19 ที่ GDP โลกควรจะเติบโตได้ 2.5% จึงคิดออกมาเป็นความสูญเสียเท่ากับ 5.6 ล้านล้านดอลลาร์ (GDP โลกมีมูลค่าประมาณ 86 ล้านล้านดอลลาร์)

ส่วนในปี 2564 คาดว่าโควิด-19 จะยังทำให้ GDP โลกลดลงไปอีก 5.3% เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ในกรณีปกติ จึงคำนวณความสูญเสียออกมาได้เท่ากับ 4.7 ล้านล้านดอลลาร์

แค่สองปีเสียหายไป 10.3 ล้านล้านดอลลาร์ก็ต้องถือว่าเป็นตัวเลขที่มากมายมหาศาล เพราะมีเพียงสองประเทศในโลกเท่านั้น คือสหรัฐฯ และจีน ที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่า 10 ล้านล้านดอลลาร์

ความรุนแรงไม่ใช่มีเพียงเท่านี้ ธนาคารโลกคาดว่าผลกระทบของโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจโลกจะยังคงเกิดขึ้นต่อไปในปี 2565 โดย GDP โลกจะยังต่ำกว่าระดับปกติอยู่ประมาณ 4.4% และคาดว่าผลกระทบที่มีต่อการลงทุนและทรัพยากรมนุษย์จะทำให้ศักยภาพของเศรษฐกิจโลกในอนาคตลดต่ำลง นอกจากนั้น หนี้ทั้งของภาครัฐและภาคเอกชนที่ได้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณก็จะเป็นข้อจำกัดสำหรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในอีกหลายปีข้างหน้าด้วย

ในสหรัฐฯ มีการศึกษาโดยอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (David Cutler และ Lawrence Summers) เพื่อประเมินความสูญเสียทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วง 10 ปีอันเกิดจากผลของโควิด-19 การศึกษานี้ชี้ให้เห็นถึงความเสียหายในรูปของการว่างงานเป็นจำนวนมาก โดยดูจากจำนวนผู้ขอเบิกเงินประกันการว่างงานซึ่งมีจำนวนสะสมมากถึง 60 ล้านราย ธุรกิจต้องหยุดกิจการลงอย่างกว้างขวางเพราะการใช้จ่ายที่ลดลงและการล็อกดาวน์ ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชย เยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาปัญหา แต่ก็คาดว่ามูลค่าการผลิตโดยรวมในช่วง 10 ปีนับจากปี ค.ศ. 2020 จะลดลงเมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่มีโควิด คิดเป็นความเสียหายมากถึง 7.6 ล้านล้านดอลลาร์

การศึกษานี้ได้ประเมินความสูญเสียอันเกิดจากการเจ็บป่วยล้มตายจากโรคระบาดนี้ด้วย คาดกันว่าชาวอเมริกันจะตายจากโควิด-19 เป็นจำนวนที่สะสมกันทั้งสิ้นประมาณ 625,000 คน (ต้นพฤษภาคม 2564 ตัวเลขใกล้ๆ หกแสนคนแล้ว) นักวิจัยประเมินมูลค่าของชีวิตโดยดูจากจำนวนเงินที่คนอเมริกันทั่วไปยินดีจะจ่ายเพื่อลดความเสี่ยงจากความตาย และพบว่า “มูลค่าชีวิต” คิดได้เป็นเงิน 7 ล้านดอลลาร์ต่อราย ทำให้ความสูญเสียจากความตายมีค่ารวมกันประมาณ 4.4 ล้านล้านดอลลาร์

นอกจากนั้น นักวิจัยยังคำนึงถึงผลของโควิดที่ทำให้ผู้ป่วยขั้นรุนแรงต้องสูญเสียความสามารถในการทำงานในระยะยาว และผลที่มีต่อสุขภาพทางจิตของญาติมิตรที่ต้องสูญเสียคนใกล้ชิดไปในการระบาดของโควิดอีกด้วย ผลกระทบทั้งสองส่วนนี้มีมูลค่ารวมกันเป็นเงินประมาณ 4.1 ล้านล้านดอลลาร์

เมื่อรวมผลกระทบทุกประเภทแล้ว โควิด-19 ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วง 10 ปี รวมกันเป็นเงินถึง 16.1 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็นประมาณ 77% ของขนาดเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี ค.ศ. 2020 นักวิจัยชี้ให้เห็นว่ามูลค่าความสูญเสียนี้สูงกว่าความเสียหายทางเศรษฐกิจในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำปี ค.ศ. 2008-9 และมากกว่าเงินที่สหรัฐฯใช้ไปในการทำสงครามในอัฟกานิสถาน อิรัก และซีเรียตั้งแต่เหตุการณ์เครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรดปี ค.ศ. 2001 อีกด้วย

ความเสียหายที่มีต่อเศรษฐกิจไทยเห็นได้ชัดจากความซบเซาของธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวข้อง จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงอย่างฮวบฮาบ การล็อกดาวน์เกิดขึ้น 2-3 รอบ คนว่างงานเพิ่มขึ้นมากมาย การเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลคงบรรเทาปัญหาได้เพียงบางส่วน  ผมได้ลองประเมินว่าเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบแค่ไหนจากโควิด-19 โดยใช้วิธีการคำนวณที่คล้ายกับในกรณีของสหรัฐฯ

GDP ไทยในปี 2563 ลดลงจริง 6.1% ในขณะที่เคยคาดกันไว้ก่อนโควิดว่าจะโต 2.8% ส่วน GDP ปี 2564 นี้คงโตจริงประมาณ 1.5% เทียบกับอัตราการเติบโตที่ 3% หากไม่มีปัญหาโควิด

สมมุติให้เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวจากพิษโควิดและขยายตัวได้ในอัตราปีละ 4% ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป เทียบกับเศรษฐกิจที่ไม่มีปัญหาโควิดและเติบโตในอัตราปีละ 3% (แต่จากฐานที่สูงกว่า) เราก็จะยังเห็น GDP ที่ต่ำกว่ากรณีที่ไม่มีโควิดตลอดช่วง 10 ปีข้างหน้า (ดูรูป) ความแตกต่างของ GDP ในสองกรณีมีมูลค่าระหว่างปีละ 1.2 - 2.1 ล้านล้านบาท

โดยรวมทั้ง 10 ปี ความเสียหายทางเศรษฐกิจในรูปของ GDP ที่ขาดหายไปคิดเป็นเงินประมาณ 17 ล้านล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับขนาดของเศรษฐกิจไทยในปี 2562 (16.876 ล้านล้านบาท) 

  162074753625

ในด้านการเจ็บป่วยล้มตายจากโควิด-19 ในขณะนี้ (ต้นเดือนพฤษภาคม 2564) ไทยกำลังเผชิญกับการระบาดรอบที่ 3 ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนและรุนแรงกว่าสองรอบแรกค่อนข้างมาก จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นจากวันละไม่กี่สิบกี่ร้อยรายต่อวัน มาเป็นวันละกว่า 2000 รายในรอบที่สามนี้ และจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ หากสถานการณ์ยังรุนแรงอยู่จนถึงสิ้นปีนี้ ก็อาจประเมินได้ว่าในที่สุดจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอาจสูงถึง 400,000 - 500,000 ราย และจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมอาจอยู่ระหว่าง 4,000 - 5,000 ราย

ผมเคยประเมินมูลค่าของการสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ไว้เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว โดยมีตัวเลขสูงสุดรายละประมาณ 4.5 ล้านบาท หากปรับเป็นมูลค่าในปัจจุบันก็น่าจะได้มูลค่าชีวิตรายละประมาณ 10 ล้านบาท ดังนั้น ความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการเสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 จึงคิดเป็นเงินประมาณ 45,000 ล้านบาท (4,500 ราย คูณกับ 10 ล้านบาท)

ส่วนผลกระทบในด้านการสูญเสียความสามารถในการทำงานของผู้ป่วยและในด้านสุขภาพทางจิตของญาติมิตรของผู้เสียชีวิตนั้น เราอาจคิดรวมกันเป็นจำนวนเงินต่อหัวของผู้ติดเชื้อที่รายละประมาณ 3 ล้านบาท ทำให้ความสูญเสียทางเศรษฐกิจในส่วนนี้คิดเป็นเงินประมาณ 1.35 ล้านล้านบาท (450,000 ราย คูณกับ 3 ล้านบาท)

สรุปแล้ว ความเสียหายทางเศรษฐกิจโดยรวมของไทยอันเกิดจากโควิด-19 มีมูลค่าประมาณ 18.4 ล้านล้านบาท คิดเป็นประมาณ 110% ของ GDP ในปี 2562 นับเป็นความเสียหายที่รุนแรงมากจริงๆ และน่าจะตอกย้ำถึงความจำเป็นในการสกัดกั้นโรคระบาดนี้ไม่ให้ลุกลามยืดเยื้ออีกต่อไป.

บทความโดย พรายพล คุ้มทรัพย์