'เอเปค 2565' โอกาสไทย 'แก้โควิด-ฟื้นเศรษฐกิจ'

'เอเปค 2565' โอกาสไทย 'แก้โควิด-ฟื้นเศรษฐกิจ'

ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมระหว่างประเทศ คือ 'การประชุมเอเปค' ในช่วงปี 2565 ถือเป็นโอกาสดีที่จะฟื้นคืนความเชื่อมั่นของประเทศจากวิกฤติโควิด

บทความโดย ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร 

โควิด-19 ระลอก 3 ทำให้ประชาชนไทย วิตกกังวลอีกครั้งว่า ภาครัฐจะสามารถควบคุม ป้องกัน และหยุดยั้งการแพร่ระบาดครั้งนี้ได้รวดเร็วเพียงใด แล้วในอนาคตจะไม่เกิดระลอก 4 และ 5 ขึ้นอีก

     ในด้านเศรษฐกิจก็เช่นเดียวกัน ทุกคนอยากเห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อย่างที่หลายประเทศเริ่มฟื้นขึ้นแล้ว แต่สภาพเศรษฐกิจไทยกลับเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (เมษายน 2564) ได้ปรับลดประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2564 ลงเหลือ 3% จากที่เคยคาดไว้ 3.2% เช่นเดียวกัน ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปรับลงเหลือเพียง 1.6% จาก 2.8%

      ภารกิจเร่งด่วนของรัฐบาลในเวลานี้ จึงไม่พ้นเรื่องการบริหารจัดการโควิด-19 ระลอก 3 และการดูแลภาคเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศ และระหว่างประเทศที่เป็นรายได้หลัก

ตามไทม์ไลน์ ในปี 2565 มีเวทีสำคัญที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมระหว่างประเทศ คือ “การประชุมเอเปค” หรือกรอบความร่วมมือภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิก ซึ่งไทยเคยเป็นเจ้าภาพเมื่อปี 2546 หรือ 20 ปีที่แล้ว

      เอเปค ถือเป็นเวทีกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่สำคัญต่อโลกและไทย เพราะสมาชิก 21 เขตเศรษฐกิจ รวมกันมีขนาดของ GDP และอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุดในโลก มีประเทศมหาอำนาจทางการเมือง และเศรษฐกิจรวมอยู่ด้วย ทั้งสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และรัสเซีย 

สำหรับไทย เอเปคเป็นทั้งตลาดส่งออก เป็นแหล่งวัตถุดิบนำเข้า และเป็นกลุ่มที่มีการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก

     เนื้อหาการเจรจาภายใต้กรอบเอเปค จะครอบคลุมประเด็นต่างๆ ที่หลากหลาย ตั้งแต่การร่วมมือกันพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การเปิดการค้าเสรี การลงทุน Connectivity และความร่วมมือกันของสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปค เช่น การเปิดการค้าเสรีภายใต้กรอบ CPTPP หรือหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ในปัจจุบันไปจนถึงความร่วมมือด้านสังคม

      ส่วนตัวแทนที่เข้าร่วมประชุมเอเปค ประกอบด้วยภาครัฐและภาคเอกชน โดยภาคราชการมีการประชุมตั้งแต่ระดับเจ้าหน้าที่ (Working Group) เจ้าหน้าที่ระดับสูง การประชุมระดับรัฐมนตรี และที่สำคัญคือ การประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค ที่ผู้นำของเขตเศรษฐกิจต่างๆ จะเข้าร่วมประชุมในช่วงปลายปี แล้วออกแถลงการณ์ที่จะมีความร่วมมือในด้านต่างๆ ต่อไป

      การเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคในปี 2565 ที่ใกล้มาถึง จะเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยไม่ควรมองข้าม อย่างน้อย 2 ด้าน ด้วยกันคือ

 1. สาระการประชุม ถึงแม้การประชุมเอเปคจะครอบคลุมประเด็นที่หลากหลาย แต่ที่จริงแล้วเอเปคยังคงเน้นเรื่องเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน เป็นหลัก เอเปคครั้งนี้จึงเป็นโอกาสของไทยในการผลักดันวาระ หรือ Agenda ต่างๆ ที่คิดว่าจะมีความสำคัญต่อไทย และภูมิภาคในช่วงเวลานี้ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ และเกิดประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย 

นอกจากนั้นจะเป็นโอกาสในการแสดงบทผู้นำในเวทีระหว่างประเทศ และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของไทยในการเป็นผู้นำทางความคิดที่สามารถสร้างสรรค์ความคิดใหม่ๆ รวมทั้งวิสัยทัศน์ในการผลักดันโครงการต่างๆ ต่อเนื่องไปในอนาคต

       2. การพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย ปกติเอเปคจะแบ่งการประชุมออกเป็น 50 เรื่อง จะมีการประชุมย่อยในระดับเจ้าหน้าที่อีกหลายร้อยการประชุม ในแต่ละปีจะมีผู้เข้ามาประชุมในประเทศประมาณ 30,000 คน ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ภาครัฐ นักธุรกิจภาคเอกชน และสื่อมวลชนจากทั่วโลก 

นอกจากไทยจะมีโอกาสประชาสัมพันธ์ประเทศถึงความพร้อมในการประชุม และเปิดประเทศแล้ว ยังจะสร้างรายได้ให้แก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรม สายการบิน ธุรกิจอาหาร ภัตตาคาร ธุรกิจชุมชน และอื่นๆ อีกมากมาย ผลลัพธ์ที่ได้จากการประชุมเอเปคจะมีส่วนสำคัญที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยไปในตัว ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

 เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว โดย IMF (มกราคม 2564) เปิดเผยว่า ปี 2563 เศรษฐกิจโลกหดตัวลงถึง 3.5% แต่ในปี 2564 จะกลับมาขยายตัว 5.5% ทั้งนี้การฟื้นตัวจะกระจายไปในประเทศที่มีประชากรเข้าถึงวัคซีนก่อน และที่มีมาตรการของภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ

       ผมเห็นตรงกันว่า ไทยต้องเร่งจัดหาวัคซีน และกระจายวัคซีนโควิด-19 ให้เข้าถึงคนไทยมากที่สุด พร้อมกันกับต่างชาติที่ได้รับการรับรองเป็นทางการว่า ได้ฉีดวัคซีนแล้วสามารถเข้าประเทศไทยมาร่วมประชุมเอเปคได้ ไม่ต้องมีการประชุมทางไกลผ่านระบบออนไลน์อย่างที่ผ่านมา 2 ปี ซึ่งจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไทย เพราะชาวโลกจะรับรู้ว่าโควิด-19 ในไทยเริ่มคลี่คลาย และไทยมีความพร้อมที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจต่อไป

       เรามีเวลาอีกครึ่งปี สำหรับเตรียมการประชุมที่จะเริ่มต้นอย่างไม่เป็นทางการในปลายปีนี้ ซึ่งในด้านสาระการประชุม ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการ ก็เริ่มระดมสมอง ระดมความคิด เพื่อกำหนดหัวข้อและทิศทางในอนาคตของภูมิภาคที่จะได้การยอมรับจากสมาชิกทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจ 

ส่วนด้านสาธารณสุข ก็เชื่อว่ารัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญของการเป็นเจ้าภาพเอเปคปี 2565 โดยเร่งคลี่คลายปัญหาโควิด-19 ซึ่งหากผู้ร่วมประชุมสามารถเดินทางเข้าไทยได้ แบบประชุมเห็นหน้ากัน พบปะพูดคุยเจรจาเรื่องสำคัญๆ ได้ ก็ย่อมดีกว่าประชุมทางไกลอย่างแน่นอน

สิ่งสำคัญเร่งด่วนเฉพาะหน้า ประชาชนคนไทยและทุกภาคส่วนฝากความหวังไว้กับรัฐบาล ว่าจะสามารถจัดหาวัคซีนโควิด-19 ได้เพียงพอ และบริหารจัดการกระจายสู่ประชาชนอย่างรวดเร็ว ได้ทันสถานการณ์หรือไม่ 

เมื่อเอเปค 2565 เป็นโอกาสครั้งสำคัญของประเทศไทย จึงต้องลุ้นกันว่ารัฐบาลจะใช้เวทีนี้่พลิกฟื้นเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นกลับมาได้หรือไม่