อีก 2 ปี การท่องเที่ยวไทย พร้อมยกระดับสู่ ‘กลุ่มคุณภาพ’

อีก 2 ปี การท่องเที่ยวไทย  พร้อมยกระดับสู่ ‘กลุ่มคุณภาพ’

มุ่งเน้นกลุ่มตลาดคุณภาพ ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่พร้อมใช้จ่าย

แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยขณะนี้จะกลับมาสู่ช่วงเวลาที่เริ่มรุนแรงอีกครั้ง แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกคนยังต้องใช้ชีวิตและเดินหน้าต่อไป ในด้านของการท่องเที่ยวอันถือเป็นหัวใจหลักในด้านรายได้และเศรษฐกิจของประเทศก็เช่นกัน 

หากย้อนกลับไปในช่วงปลายปี 2562 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท.ประเมินไว้ว่า รายได้จากการท่องเที่ยวตลอดปี 2563 จะมูลค่าราว 3.18 ล้านล้านบาท สัดส่วนมาจากกลุ่มคนต่างชาติ 2.02 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยวต่างชาติราว 40.8 ล้านคน และกลุ่มคนไทย 1.16 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยวไทยราว 172 ล้านคน (การท่องเที่ยวรวมกันหลายครั้ง)

อย่างไรก็ตาม ได้มีการจัดทำ TAT Tourism Recovery Tracker เพื่อประเมินความน่าจะเป็นใหม่ ปรากฏว่าในช่วงเดือนพ.ย.ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางในประเทศราว 16 ล้านคน เพิ่มขึ้นราว 1 ล้านคนจากเดือนก่อนหน้า แต่ยังไม่เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562

ถึงกระนั้นแนวโน้มของสถิติดังกล่าวถือว่าเป็นทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอัตราการเข้าพักในโรงแรม อย่างเช่นเมื่อเดือนเม.ย.ซึ่งเป็นช่วงที่สายการบินกลับมาให้บริการอีกครั้ง บรรดาโรงแรมมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยแค่ 2% เท่านั้น พอมีการปลดล็อกทำกิจกรรมต่างๆ อัตราการเข้าพักก็เพิ่มขึ้น ในเดือนก.ค.อยู่ที่ 20% และต.ค.อยู่ที่ 34% กระทั่งล่าสุดก่อนช่วงระบาดใหม่อีกรอบมีอัตราการเข้าพักที่ 37.56%

ททท. คาดการณ์ว่าในปี 2564 อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยน่าจะปรับตัวดีขึ้น รายได้เบื้องต้นคิดว่าตกราว 1.2 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นตลาดต่างประเทศ 5 แสนล้านบาท ปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 10 ล้านคน และตลาดในประเทศ 7 แสนล้านบาท ปริมาณนักท่องเที่ยวชาวไทย 120 ล้านคน

ส่วนในปี 2565 หากสถานการณ์ดีขึ้นรายได้จากการท่องเที่ยวก็มีโอกาสเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 ล้านล้านบาท หรือราว 80% ของรายได้รวมทั้งหมดในปี 2563 คิดเป็นตลาดต่างประเทศราว 1.3 ล้านล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 20.8 ล้านคน และตลาดในประเทศราว 1.2 ล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยว 180 ล้านคน

ที่น่าสนใจ ทางททท. เตรียมมุ่งเน้นกลุ่มตลาดคุณภาพให้มากขึ้นกว่าเดิม โดย “กลุ่มคุณภาพ” หรือกลุ่มตลาดคุณภาพ คือ นักท่องเที่ยวที่พร้อมใช้จ่ายในการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ รวมถึงการใช้สอยเงินในกิจกรรมที่ทำ เช่น ทานอาหาร, ซื้อของที่ระลึก, เข้าพัก, ค่าเข้า ค่าทำกิจกรรม ฯลฯ อย่างเต็มที่ต่อทริป 

ซึ่งคนกลุ่มนี้ทาง ททท. เตรียมมุ่งเน้นในการทำตลาดเพื่อดึงดูดให้พวกเขาเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือต่างชาติก็ตาม เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจากเดิมที่ซบเซาลงไปเพราะปัญหาโรคระบาด

มีการตั้งเป้าในเรื่องค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในปี 2565 เอาไว้ว่า ชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทยใน 1 ทริป จะมีค่าใช้จ่ายราว 62,000 บาท ต่อ คน จากเดิมอยู่ที่ 47,000 บาทต่อคน และชาวไทยราว 4,900 บาทต่อคน จากเดิม 4,700 บาทต่อคน

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ทาง ททท. ระบุเอาไว้ เป็นช่วงก่อนที่จะเกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 นั่นเท่ากับว่า อาจมีความเป็นไปได้ที่ตัวเลขนั้นจะไม่ตรงตามเป้าที่คาดหวัง แต่เหนือสิ่งอื่นใด ก็ยังพอจะเป็นแรงกระตุ้นเล็กๆ ให้กับบรรดากลุ่มธุรกิจและผู้คนที่อยู่ในวงการท่องเที่ยวว่า หากวันไหนที่สถานการณ์กลับมาดีขึ้นจริงๆ เมืองไทยจะยังคงติดอันดับท็อป 10 จุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 

เมื่อถึงวันที่มีการควบคุมได้อย่างเหมาะสม โรคระบาดอาจไม่ได้หายไป แต่มียารักษาหรือมีวิธีป้องกันให้เป็นไปตามมาตรฐาน ถึงวันนั้นวงการท่องเที่ยวไทยจะกลับมาคึกคักอีกครั้งอย่างแน่นอน