แรงงานนอกระบบ : หนทางการอยู่รอดยุค New Normal

แรงงานนอกระบบ : หนทางการอยู่รอดยุค New Normal

ต่อจากตอนที่แล้วที่กล่าวถึง โครงสร้างแรงงานนอกระบบ และผลจากโควิด ซึ่งกระทบต่อรายได้ของแรงงานนอกระบบมากน้อยต่างกันตามแต่ลักษณะของสาขาธุรกิจ

บทความโดย วันใหม่ นนท์ฐิติพงศ์ ณิชกานต์ พรหมจินดา ธนาคารแห่งประเทศไทย

 ในครั้งนี้จะกล่าวถึง แนวทางการอยู่รอดสำหรับแรงงานในโลกใหม่หลังโควิด 19 โดยหัวใจสำคัญของการอยู่รอด คือ แรงงานจะต้องปรับตัว ขณะที่ภาครัฐจะต้องเป็นพี่เลี้ยง ช่วยติดอาวุธชุดใหม่และสร้างภูมิต้านทานให้แก่แรงงานนอกระบบ

โลกใหม่ที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดส่งผลกระทบต่อโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ก่อนโควิด 19 แพร่ระบาด และเร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็วหลังการแพร่ระบาดของโควิด 19  ส่งผลให้คนที่ปรับตัวไม่ได้ หรือไม่ปรับตัวถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แรงงานส่วนหนึ่งต้องเปลี่ยนมาทำงานที่บ้าน หรือใช้เทคโนโลยีในการทำงานมากขึ้น บางส่วนถูกลดชั่วโมงการทำงาน บางส่วนตกงาน โดยเฉพาะแรงงานนอกระบบประมาณ 3 ล้านคน ที่ทำงานเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ขาดรายได้จากการไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาแล้ว 1 ปี

161824293995

วันใหม่ นนท์ฐิติพงศ์ 

เมื่อมองไปข้างหน้า แม้ว่าการท่องเที่ยวคงจะฟื้นตัวได้บ้าง แต่คงต้องใช้เวลา และอาจจะไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติปีละ 40 ล้านคนอีกต่อไปจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางและท่องเที่ยว คำถามสำคัญ คือ แรงงานนอกระบบได้วางแผนรับมือกับโลกอนาคตแล้วหรือยัง

ระยะสั้น ชัดเจนว่า มาตรการเยียวยาให้เงินช่วยเหลือทั้งทางตรงและทางอ้อมของรัฐกลายเป็นที่พึ่งของแรงงานนอกระบบ แต่ก็มีผลเสียให้ภาครัฐมีหนี้สาธารณะสูงขึ้น และจะเป็นข้อจำกัดในการช่วยเหลือในระยะต่อไป ดังนั้น นัยของมาตรการช่วยเหลือไม่ใช่เพียงลดแรงกระแทกของรายได้ที่หายไป แต่เป็นการซื้อเวลา ให้แรงงานได้วางแผน ปรับตัว ให้สามารถยืนหยัดอยู่ในโลกใหม่ด้วยกำลังของตัวเอง

ระยะยาว แนวทางการปรับตัวและการช่วยเหลือแรงงานนอกระบบ ผู้เขียนขอสรุปเป็น 3 เสาหลัก ดังนี้ “เพิ่มรายได้ พัฒนาทักษะ สร้างภูมิคุ้มกันทางการเงิน” ผ่านกลไกของภาครัฐ ช่วยกระตุ้นการเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ได้

(1) เพิ่มรายได้ คือ การเพิ่มความสามารถของแรงงานในการหารายได้ อาทิ การหารายได้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ หรือการเปลี่ยนอาชีพใหม่ที่สอดรับกับแนวโน้มความต้องการของตลาด เช่น ธุรกิจนวดสปาอาจเปลี่ยนไปทำธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ เพื่อรองรับกระแสสังคมสูงวัย หรือยกระดับบริการให้เป็นสปาเชิงสุขภาพที่ผนวกความรู้ด้านกายวิภาคตามกระแสความนิยม โดยภาครัฐเป็น “ผู้อำนวยความสะดวก” ทั้งในด้านของการช่วยเหลือให้แรงงานสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ที่จำเป็นสำหรับการปรับเปลี่ยนงาน ตลอดจนการสนับสนุนเงินทุนในการพัฒนาและดูแลแพลตฟอร์ม หรือช่องทางการค้าและบริการใหม่ ๆ โดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นแพลตฟอร์มที่ถูกพัฒนาโดยภาครัฐ รวมถึงการเป็นผู้นำร่องเพื่อสร้างอาชีพใหม่ ๆ ที่มีฐานรายได้ที่สูงขึ้นผ่านโครงการจ้างงานในท้องถิ่น เช่น โครงการจ้างงานอาสาบริบาลดูแลผู้สูงอายุ เป็นต้น

(2) พัฒนาทักษะ คือ การยกระดับปรับทักษะฝีมือ (Upskilling/Reskilling) ให้ตรงตามความต้องการโลกหลังโควิด-19 ปัจจุบันมีสถาบันและหลักสูตรพัฒนาทักษะแรงงานหลายแห่งที่พร้อมให้การฝึกอบรมโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เช่น หลักสูตรสร้างแบรนด์ธุรกิจดิจิทัลและการขายสินค้าออนไลน์ (e-commerce)  ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นต้น รวมทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Skilllane, Skooldio, สถาบันพัฒนาบุคลากรดิจิทัล (DISDA) เป็นต้น และแพลตฟอร์มที่ช่วยจับคู่ทักษะกับตำแหน่งงาน เช่น “ไทยมีงานทำ” อย่างไรก็ตาม ภาครัฐควรสร้างระบบแรงจูงใจให้แรงงานเข้าร่วมการพัฒนาทักษะ อาทิ การสนับสนุนเงินทุนในรูปแบบ“จ่ายทีละครึ่ง” โดยจะจ่ายเงินอีกครึ่งหนึ่งให้ผู้เรียนหลังผ่านการประเมินทักษะ เป็นต้น

(3) สร้างภูมิคุ้มกันทางการเงิน คือ การสร้างหลักประกันทั้งสวัสดิการทางสังคมและความมั่นคงด้านรายได้ (Social & Income Safety Nets) แก่แรงงานนอกระบบให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ผ่านการเข้าร่วมระบบประกันสังคมเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 และมาตรา 40 โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ เช่น เงินทดแทนเมื่อเจ็บป่วยและทุพพลภาพ เงินสงเคราะห์บุตร เงินค่าทำศพ เงินบำเหน็จยามชราภาพ เป็นต้น ตลอดจนถึงการออมเงินเพื่อใช้ในยามฉุกเฉินหรือหลังเกษียณผ่านกองทุนการออมแห่งชาติ ซึ่งเป็นกองทุนที่เหมาะกับแรงงานนอกระบบที่มีรายได้ไม่แน่นอน ไม่จำเป็นต้องออมเงินทุกเดือน และมีภาครัฐช่วยสมทบเงินออมสูงสุดร้อยละ 100 อีกด้วย

161824298210

ณิชกานต์ พรหมจินดา 

อย่างไรก็ตาม แรงงานนอกระบบส่วนใหญ่ยังไม่ได้เข้าร่วมระบบดังกล่าว ภาครัฐจึงควรเร่งผลักดันและสร้างแรงจูงใจให้แรงงานนอกระบบเข้าร่วม ระบบประกันสังคมหรือกองทุนการออมแห่งชาติมากขึ้น ผ่านการออกแบบและเพิ่มทางเลือกสวัสดิการให้มีความหลากหลายและยืดหยุ่นสอดรับกับลักษณะของแรงงานนอกระบบ นอกจากนี้ ที่สำคัญภาครัฐควรส่งเสริมให้แรงงานมีวินัยในการออม และเห็นความสำคัญของการจัดทำบัญชีครัวเรือน ซึ่งจะทำให้ทราบถึงรายรับและรายจ่าย และสามารถลดปัญหาหนี้ครัวเรือนได้

จากการแพร่ระบาดโควิด-19 เตือนถึงกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น และมีความท้าทายใหม่ ๆ ที่เข้ามาตลอดเวลา สิ่งจำเป็นที่สุดต่อการอยู่รอดของแรงงาน คือ แรงงานจะต้องมีการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong learning)และมีภูมิคุ้มกันทั้งด้านการงานและการเงิน พร้อมรับและปรับตัวให้เท่าทันสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น โดยทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนภาคประชาสังคมต้องร่วมมือกันผลักดันและเร่งติดอาวุธให้แรงงานนอกระบบ สามารถก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงและอยู่รอดได้โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง.

บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย