สุขแค่ไหน ในปีโควิด

สุขแค่ไหน ในปีโควิด

ปี 2020 โลกเปลี่ยนไป แบบไม่มีใครคาดคิด คนทุกชาติถูกรุกรานโดยศัตรูที่มองไม่เห็น ความตื่นตระหนก กระจายไปทั่ว

ถ้าหากมี ปรอทวัด ก็คงจะเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า ท่ามกลางความร้ายแรงของโควิด มนุษย์มีความสุขหรือความทุกข์ มากขึ้น หรือน้อยลง เพียงใด 

บัดนี้ มีปรอทที่ใช้วัด และค่าวัดก็ออกมาแล้วครับ คุณลองติดตามดูว่า มันตรงกับความรู้สึกของคุณหรือไม่ 

ค่าที่วัดได้จากปรอทนี้ ถูกนำมาเผยแพร่ ในโอกาส “วันความสุขโลก” (World Happiness Day ) เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยนักวิจัยที่ทำงานให้กับ UN ได้เก็บข้อมูลจากประชากร 95 ประเทศทั่วโลก จนได้คำตอบว่า โควิด มีผลต่อความสุขในชีวิต มากหรือน้อยเพียงใด 

วิธีการก็ไม่ยาก นักวิจัยได้ตั้ง คำถาม ที่สะท้อนถึงความรู้สึกของกลุ่มตัวอย่าง ในเรื่องที่เกี่ยวกับ ความสุข ความทุกข์ เช่น “คุณมีความพึงพอใจ ในชีวิตของคุณวันนี้ เพียงใด? และขอให้ตอบจาก 0 ถึง 10 โดย 0 หมายถึง ไม่มีความพึงพอใจเลย และ 10 หมายถึง พอใจที่สุด 

คำตอบ จาก 95 ประเทศ เมื่อปี 2017-2019 ซึ่งเป็นปี ก่อนที่โควิดจะมาเยือน ได้ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 5.81 ผมอยากให้คุณลองทายดูสิครับว่า ปีโควิด 2020 ซึ่งโควิดอาละวาดเต็มๆนั้น ค่านี้จะเป็นเช่นใด คุณน่าจะทายว่า อย่างเก่งก็ 5.5 หรืออาจจะ ไม่ถึง 5 ด้วยซ้ำไป ใช่ไหมครับ 

ขอโทษที คุณทายผิดเสียแล้ว คำตอบที่ นักวิจัยได้มาคือ 5.85 ครับ ใช่แล้วครับ มันไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เมื่องานวิจัยได้ผลออกมาเช่นนี้ เราก็ต้องรับฟังไว้ก่อน แม้ค่าวัดของบางประเทศลดลง บางประเทศเพิ่มขึ้น แต่ค่าเฉลี่ย เพิ่มขึ้นเล็กน้อยครับ 

อีกประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ระหว่าง คนหนุ่มสาว กับ คนสูงวัย โควิด ทำให้ใครสุข หรือทุกข์ มากกว่ากัน 

ที่เรารู้แน่ๆก็คือ คนสูงวัย นั้น มีความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด สูงกว่าคนหนุ่มสาว และถ้าติดเชื้อแล้ว ก็มีโอกาสตายสูงกว่า เพราะ อายุที่สูงขึ้นทุก 8 ปี ถ้าหากติดโควิด จะมีอัตราตายที่เพิ่มขึ้น “เท่าตัว” 

ดังนั้น ในปี 2020 ซึ่งยังไม่มีวัคซีนป้องกันโควิด ความสุขของคนสูงวัย ก็ย่อมจะต้องลดลงอย่างมาก  

ถ้าคุณตอบแบบนี้ ก็ผิดอีกแล้วครับ เพราะในปี 2020 “หนุ่มสาวกลับมีทุกข์ สูงวัย นั่นแหละสุข” เพราะว่าค่าความสุขของประชากรวัย 60 ปีขึ้นไป ในปี 2020 ได้เพิ่มขึ้นอีก 0.22 จุด เมื่อเทียบกับค่าเดียวกัน ในปี 2017-2019 

นอกจากนั้น เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ชายวัย 60 ปีขึ้นไป จำนวน 46% ตอบว่า “ฉันมีปัญหาสุขภาพ” แต่ในปี 2020 ตัวเลขนี้ ได้ลดลงเหลือ 36% ในขณะที่คำตอบของฝ่ายหญิงที่อยู่ในวัยเดียวกัน ก็ลดลงจาก 51% เหลือ 42% ในช่วงเวลาเดียวกัน ก็แสดงว่า สว. ที่มี สุขภาพดี นั้น มีสัดส่วนสูงขึ้นอีกด้วย 

แต่ประเด็นนี้ นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่า พวกเขาอาจจะไม่ได้มีสุขภาพ ที่ดีขึ้นจริงๆ เพียงแต่พวกเขาคงรู้สึกดี เพราะในวัยเสี่ยงขนาดนี้ ยังสามารถอยู่รอดปลอดภัยจากโควิดได้ ก็เลยให้คำตอบเช่นนั้น 

คราวนี้มาดูคนหนุ่มสาว ที่ไม่ติดโควิดง่ายๆเหมือน สว. และถึงแม้ติด ก็ไม่ตายง่ายๆอีกด้วย แล้วทำไมล่ะ... ระดับความสุขจึงเหือดหายไปเช่นนั้น 

ตอบได้ง่ายๆ ก็คือ ปี 2020 เป็นปีที่โหดร้ายมาก สำหรับคนหนุ่มสาว เรื่องแรก คือ โควิดทำให้พวกเขา ตกงานกันมากมาย และประเทศที่พัฒนาแล้ว หลายประเทศ ก็มีคนทำงานในธุรกิจท่องเที่ยวจำนวนมาก อัตราการตกงานก็มากยิ่งขึ้น 

นอกจากนั้น ในช่วงล็อคดาวน์ ช่วงโรงเรียนปิด พวกเขาก็ยังต้องรับ ภาระหนักหนา กับการดูแลลูกๆ ที่ต้องเรียนหนังสือออนไลน์อยู่ที่บ้าน อีกด้วย  

ในขณะที่โซเชี่ยลมีเดีย ทำให้ สว.​ ใช้เวลาว่าง หาความสุขทางออนไลน์ได้มากขึ้น รวมทั้งลูกหลานที่ต้อง work from home หรือ learn from home ก็ทำให้ สว.​ได้อยู่ใกล้ลูกหลาน และมีความสุขเพิ่มขึ้น 

แต่คนหนุ่มสาว ซึ่งโดยปกติมักจะมีเพื่อน มีสังคม และมีงานปาร์ตี้สังสรรค์ พอล็อคดาวน์ โอกาสที่จะสนุกคลายเครียดแบบนั้น ก็หายไปด้วย ยิ่งคนที่ชอบออกงาน ชอบออกสังคม ก็ยิ่งทุกข์มากขึ้น  

พอเข้าใจแล้วใช่ไหมครับ ว่าทำไมคนหนุ่มสาวจึงทุกข์ แต่ สว.​กลับสุขเพิ่มขึ้น ที่ผมเอาเรื่องนี้มาเล่า ก็เพราะเห็นว่าเป็นงานวิจัยใหม่เอี่ยม และสรุปผลได้น่าสนใจว่า สว. มีความสุข มากกว่าคนหนุ่มสาว ในปีที่่ผ่านมา 

แต่ถ้าหากมองใน ระดับประเทศ และวัด “ความสุขโดยรวม” ของคนทุกเพศวัย ซึ่งวัดโดย 6 ปัจจัยด้วยกัน ก็พบว่า ประเทศไทย ในปี 2020 มีความสุขอยู่ที่อันดับ 46 คือตกลงมาจาก อันดับ 32 เมื่อปี 2019 ก็ถือว่าตกหนักเหมือนกันนะครับ

แล้วเพื่อนบ้านของเรา เขาเป็นอย่างไรกันบ้าง เป็นอย่างนี้ครับ ไต้หวัน อันดับที่ 26 สิงคโปร์ 34 มาเลเซีย 35 กลุ่มนี้ ดีกว่าไทย ส่วนที่ ด้อยกว่าเรา ก็คือ ญี่ปุ่น 54 เกาหลี 57 ฟิลิปปินส์ 71 และจีน 86 ครับ 

อันดับที่ 46 ก็ถือว่า เรายังมีความสุขพอสมควรนะครับ เพียงแต่ อย่าทะเลาะกันมากนักเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การต่อสู้ในทางการเมือง ควรหันหน้ามาพูดคุยกัน เพราะถ้าไปสร้างอุณหภูมิ ให้มันร้อนแรงยิ่งขึ้นเท่าใด ความสุขก็จะลดลง กลายเป็นทุกข์มากยิ่งขึ้น 

ไม่เชื่อ ดูที่เมียนมา สิครับ