คริปโทเคอร์เรนซี : SMEs ควรรู้จัก...

คริปโทเคอร์เรนซี : SMEs ควรรู้จัก...

ททท.กำลังดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการเปิดตัวบริการสกุลเงินดิจิทัลในสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มุ่งมั่นที่จะให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในการทำตลาดที่ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เป็นผู้ถือครอง Cryptocurrency เริ่มต้นโดยเลือกที่จะดึงดูดผู้ถือครอง Crypto สัญชาติญี่ปุ่น เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นเป็นศูนย์กลางด้านCryptocurrency ที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยผลการศึกษาของ Dalia ในปี 2018 ระบุว่า 11%ของประชากรในญี่ปุ่นเป็นเจ้าของสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที 7% 

โดย ททท.กำลังดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการเปิดตัวบริการสกุลเงินดิจิทัลในสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ซึ่ง Cryptocurrencies และเท็คโนโลยี่ Blockchain จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมในการฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ในยุคหลังระบาดของไวรัส Covid 19 ได้

โดย ททท. กำลังดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการนำสกุลเงินดิจิทัลไปใช้ในแหล่งท่องเที่ยว และกำลังพูดคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)และผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวเช่นโรงแรมเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวในยุค New Normal เป็นแผนระยะยาว

เมื่อ 3 ปีที่แล้วการซื้อขาย Cryptocurrency อยู่ในวงจำกัดยังไม่มีกฎหมายรองรับจนปี 2018-2019 มีกฎหมายรองรับ มีเหรียญสกุลอื่นนอกจาก Bitcoin เช่น Etherreum ประเทศไทยมี OmiseGo,JFinCoin,ZCoin กระแสร้อนแรงของ Cryptocurrency ทำให้เกิดธุรกิจบริการ Cryptocurrency Exchange ที่เหมือนตลาดกลางเอาเหรียญดิจิทัลมาแลกกัน รายได้ที่เกิดจากการซื้อขายผ่านตลาดต้องนำไปคำนวณเป็นรายได้บุคคลธรรมดาต้องเสียภาษี เด็กมหาวิทยาลัยบางคนเริ่มเข้ามาเทรด โลกของเงินสกุลใหม่มาแล้ว มีกฎหมายรองรับ โอนเงินตัดบัญชีธนาคารได้เลย จะตัดเงินไปเอาเงินสดหรือโอนเข้าบัญชีไปซื้อเงินดิจิทัลได้ ปัจจุบันมีการเปิดบัญชีซื้อขายกับเว็บเทรดในประเทศไทย 6 แห่ง ได้แก่ Bitkub,Satang pro,Huobi Thailand,Zipmex,Upbit และ Z.com การซื้อขาย Cryptocurrency เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าในเดือนมกราคม หากเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้ามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นถึง 65,000 ล้านบาท โดยการซื้อขายมากว่า 90% มาจากคนไทย

กระแสการลงทุนใน Cryptocurrency กำลังร้อนแรง เป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลก 'เทสลา' ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของโลกประกาศเข้าลงทุนใน Bitcoin “อีลอน มักส์” บอกว่าจะให้ใช้ Bitcoins ซื้อรสเทสลาได้ ปรากฎการณ์ 'ความคลุ้มคลั่งในดอกทิวลิป' (Tulip mania) ที่ถูกจารึกไว้ว่าเป็นการเกิดภาวะฟองสบู่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลกในประเทศเนเธอร์แลนด์ ช่วงปี ค.ศ.1637 ดอกทิวลิปเป็นเครื่องแสดงฐานะทางสังคมของผู้มีอันจะกิน เกิดการซื้อขายดอกทิวลิปล่วงหน้า (คล้ายกับการซื้อขายล่วงหน้า Future Contract ในตลาดอนุพันธ์ปัจจุบัน) ทำให้ราคาสูงขึ้นถึงขนาดที่มีผู้นำที่ดินขนาด 49,000 ตารางเมตร หรือ 12 เอเคอร์ มาแลกกับดอกทิวลิปเพียงดอกเดียว ดอกทิวลิปที่มีค่าสูงสุดในยุคนั้นคือ Semper August โดย 1 ดอก มีมูลค่าสูงถึง 12,000 กิลเดอร์ เทียบเท่ากับกับการซื้อขายคฤหาสน์ราคาแพงบริเวณใจกลางเมืองอัมสเตอร์ดุมได้ 1 หลัง คล้ายกับปรากฎการณ์ Cryptocurrency ตัวแรกของโลกที่เรียกว่า Bitcoin

คริปโทเคอร์เรนซี่ได้นำมาซึ่งนวัตกรรมที่เพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย ลดต้นทุนทั้งในภาคธุรกิจและภาครัฐ เป็นเครื่องมือในการชำระธุรกรรม (means of payment)อย่างแพร่หลาย ตลาดคริปโทเคอร์เรนซี่ทั่วโลกขยายตัวแบบก้าวกระโดดคาดว่าจะเพิ่มมูลค่ามากกว่า 450 พันล้านดอลลาร์ในปี 2564 และมีมูลในตลาดถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ นักลงทุนคริปโตส่วนใหญ่ในประเทศไทย อายุยังน้อย เช่น นักเรียน และวัยรุ่นที่ชื่นชอบนวัตกรรมและเทคโนโลยี เป็นนวัติกรรมทางการเงินที่มีความเสี่ยงสูง การลงทุนต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจ และความสามารถในการรับความเสี่ยงการทำความเข้าใจในเรื่องคริปโทเคอร์เรนซี่ เป็นสิ่งที่มีความจำเป็อย่างยิ่ง โดยเฉพาะท่านผู้ประกอบการ SMEs จะต้องมีความรู้ความรู้เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล ที่จะเข้ามาท้ายธนาคารแบบดั้งเดิม

ต้องติดตามเรื่องคริปโทเคอร์เรนซีตอนต่อไปครับ......