ภาวะต้มกบของโลกและของบางสังคม

ภาวะต้มกบของโลกและของบางสังคม

เมื่อวันศุกร์ที่แล้วอ้างถึงการอ่านสภาวการณ์โลกของบิล เกตส์ซึ่งสรุปว่า สิ่งที่น่าวิตกสำหรับชาวโลกมากกว่าไวรัสโควิด-19ได้แก่ภาวะโลกร้อน

ทั้งนี้เพราะภายในอนาคตอันใกล้เมื่อชาวโลกส่วนใหญ่เข้าถึงวัคซีน การระบาดของไวรัสจะยุติ ส่วนภาวะโลกร้อน ยังไม่มีตัวบ่งชี้ว่ามันจะไม่เพิ่มขึ้นต่อไปจนทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงทั่วโลก  จริงอยู่รัฐบาลอเมริกันกลับเข้าร่วมข้อตกลงที่ทำไว้กับนานาประเทศเมื่อหลายปีก่อน ณ กรุงปารีส แต่การกลับเข้าร่วมนั้นมิใช่จะประกันได้ว่าชาวโลกจะสามารถทำทุกอย่างได้ตามข้อตกลงเนื่องจากการต่อต้านทั้งโดยตรงและโดยปริยายยังกระจัดกระจายอยู่ในทุกภาคส่วนของโลก ส่งผลให้โลกยังตกอยู่ในภาวะต้มกบ    

            คงมีคำถามตามมาว่า “กบ” ซึ่งอาจจะตายในบริบทนี้คืออะไร  คำถามนี้อาจตอบได้จากหลายแง่มุม  สำหรับผมในฐานะผู้มีภูมิหลังทางด้านการพัฒนา คำตอบหลักน่าจะเป็นโอกาสของชาวโลกที่จะพัฒนาไปสู่การมีสิ่งที่จำเป็นครบถ้วนสำหรับดำเนินชีวิตพร้อมกับมีความขัดแย้งน้อยที่สุดทั้งภายในตัวเอง กับผู้อื่นและกับสิ่งแวดล้อม 

โอกาสดังกล่าวนี้มีทางสูญสิ้นไปได้จากหลากหลายสภาวะ เช่น การลดลงของทรัพยากรเมื่อผิวโลกที่ร้อนขึ้นทำให้เกิดความแห้งแล้งและทะเลทรายมากขึ้น หรือระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นและพายุใหญ่ที่จะเกิดบ่อยขึ้นและแต่ละลูกร้ายแรงขึ้นทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและทรัพย์สินอย่างกว้างขวาง 

ความเสียหายทั้งหลายจะนำไปสู่ความขัดแย้งจากการแย่งชิงทรัพยากรที่มีน้อยลง  ในปัจจุบัน การแย่งชิงมีอยู่ทั่วไปทั้งในระดับชาติและระดับชุมชนขนาดต่าง ๆ  การแย่งชิงจะยิ่งเข้มข้นเมื่อทรัพยากรลดลง

            นอกจากจะต้องเผชิญกับภาวะต้มกบในระดับโลกแล้ว สังคมจำนวนมากยังกำลังเผชิญกับภาวะต้มกบภายในของตนอีกด้วย  ภาวะภายในที่ดูจะมีกระจัดกระจายอยู่ในเกือบทุกภาคส่วนของโลกเกิดจากความเหลื่อมล้ำระหว่างประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ในสังคม  ความเหลื่อมล้ำมักเป็นทั้งทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองซึ่งเกี่ยวพันกันอย่างสลับซับซ้อน 

ยกตัวอย่างในสหรัฐซึ่งใช้หลักประชาธิปไตยผนวกกับตลาดเสรีบริหารประเทศ  การรังเกียจผิวซึ่งยังมีอยู่นำไปสู่การจำกัดโอกาสทางเศรษฐกิจและการเมืองซึ่งนับวันจะถูกชนชั้นมหาเศรษฐีครอบงำมากขึ้น  การครอบงำนำไปสู่นโยบายทางเศรษฐกิจที่เอื้อประโยชน์แก่ชนชั้นเศรษฐีมากขึ้น ส่งผลให้ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจยิ่งร้ายแรง  เมื่อสภาวะนี้ดำเนินต่อไปจนผู้เสียเปรียบส่วนใหญ่ทนไม่ได้ สงครามภายในก็จะระเบิดออกมา  กบที่ตายได้แก่ความสงบสุขในสังคม

            เนื่องจากภาวะต้มกบเกิดขึ้นในประเทศก้าวหน้า จึงอาจคาดได้ว่ามันน่าจะเกิดขึ้นในประเทศล้าหลังด้วย  ตัวอย่างจำพวกความเหลื่อมล้ำตามแนวของสหรัฐอาจหาได้ไม่ยากนัก โดยเฉพาะจากกรณีมีรัฐบาลแนวเผด็จการที่ผู้กำอำนาจมีความฉ้อฉลสูงและร่วมมือกับนายทุนที่มีจรรยาบรรณต่ำครอบงำการบริหารประเทศ  ความเหลื่อมล้ำในด้านต่าง ๆ ย่อมตามมา 

แต่ในหลาย ๆ กรณี สภาพนี้ถูกบิดเบือนให้ดูเสมือนว่าไม่มีด้วยนโยบายประชานิยมแบบเลวร้ายซึ่งใช้การลดแลกแจกแถมเป็นแกนจนกระทั่งทำต่อไม่ได้เพราะไม่มีเงินเพียงพอต้องขอกู้ผู้อื่นจนกู้ต่อไปไม่ได้  ในกรณีแนวนี้ กบที่ตายได้แก่โอกาสที่จะพัฒนาสังคมให้ก้าวหน้าต่อไปและความสงบสุขในปัจจุบัน

 ตัวอย่างที่คอลัมน์นี้นำมาอ้างหลายครั้งได้แก่กรณีของแถบละตินอเมริกาโดยเฉพาะอาร์เจนตินาและเวเนซุเอลา  ทั้งสองประเทศนี้มีโอกาสดีมากเนื่องจากมีทรัพยากรมหาศาล  ในขณะนี้ แนวโน้มยังบ่งชี้ว่าเวเนซุเอลาอาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเดินเข้าสู่ทางแห่งรัฐล้มเหลวได้

            ตัวอย่างเหล่านั้นนำไปสู่คำถามว่า สังคมไทยกำลังตกอยู่ในภาวะต้มกบด้วยหรือไม่  คำตอบจะเป็นเช่นไรขึ้นอยู่กับการพิจารณาปัจจัยใน 4 ด้านคือ สภาพความเหลื่อมล้ำ ระดับความฉ้อฉล ระดับของความเป็นรัฐบาลเผด็จการร่วมมือกับนายทุนจรรยาบรรณต่ำครอบงำประเทศ และการใช้นโยบายประชานิยมแบบเลวร้ายเพื่อซื้อใจประชาชน 

คาดได้ว่าทุกคำตอบจะถูกแย้งอย่างหนัก  หากมองจากมุมของความไม่ประมาทซึ่งอาจนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างจริงจัง น่าจะฟันธงได้ว่าไทยตกอยู่ในภาวะต้มกบ.