เตรียมปรับธีมพอร์ต ต้อนรับการเปิดเมือง

เตรียมปรับธีมพอร์ต ต้อนรับการเปิดเมือง

สถานการณ์รอบโลก รวมทั้งประเทศไทย ต้องบอกว่าไม่มีประเด็นเรื่องตื่นเต้นอะไรใหม่ๆ แต่เป็นการพัฒนาจากประเด็นเดิมในเรื่องของแนวคิด

              ผมจะเล่าเรื่องราวโดยย่อๆก็เหมือนจะเป็นแค่เล่าข่าว แต่จะวิพากย์ วิจารณ์ วิเคราะห์ ไปเลย ก็จะทำให้จับต้นชนปลายกันไม่ถูก ในรอบนี้ผมก็เลยขอเป็นการยกเป็นประเด็นขึ้นมาและวิเคราะห์ดู โดยไม่ลงรายละเอียดมาก แต่จะเน้น ไปในเรื่องของสิ่งที่ผมเห็น และแนวคิด ครับ

                เริ่มจากเรื่อง Reflation หรือ การกลับมาของเงินเฟ้อ โดย หลักการแล้วเป็นไปได้ เนื่องจากการเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินผ่านมาตรการเยียวยา และกระตุ้นเศรษฐกิจ ของประเทศต่างๆทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย อันสืบเนื่องมาจากการระบาดของเชื้อ COVID -19  ซึ่งในระยะยาวอัตราเงินเฟ้อควรจะเร่งตัวสูงขึ้น ดูแล้วก็ดีแต่ปัญหามันอยู่ตรงไหนละ ปัญหามันมาจาก การล็อคดาวน์ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมไม่ดี ทำให้ธุรกิจเสียหายและมีคนจำนวนมากที่ตกงาน หาก เงินเฟ้อเริ่มเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่คนเริ่มตกงาน อันนี้ถือว่าเป็นปัญหาครั้งใหญ่เลยครับ นั่นแหละครับที่เป็นเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการปรับตัวของพันธบัตรระยะยาวในสหรัฐอเมริกา และทำให้มีแรงขายทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ทำให้ ประธาน FED ต้องออกมาพูดว่าให้ความสำคัญทั้งจากเศรษฐกิจและการจ้างงาน จะดูแลอย่างรอบคอบ ทำให้ภาวะการขายทำกำไรอย่างต่อเนื่องในตลาดหุ้นทั่วโลกก็เริ่มชะลอตัวลง ผมมองว่าเรากังวลเรื่องเงินเฟ้อได้แต่เป็นเรื่องยาวๆเป็นปี สำหรับเรื่องเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ดูจากนโยบายต่างๆของแต่ละประเทศ ต่างก็ดูแลกันไปตามศักยภาพ ของตัวเอง และยังมีแผนการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจประกอบกันไปด้วย ดังนั้น ก็ดูแล้วคงจะสามารถประคองกันไปจนเครื่องติดได้ละครับ  ดังนั้นคงจะไม่ต้องกังวลมาก เพราะประเด็นที่กังวลกันก็อยู่ในสายตาของผู้ดูแลนโยบายเศรษฐกิจ อยู่แล้ว

                โลกจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อไรเป็นคำถามนั้น ผมจะตอบแบบไล่เลียงเป็นเรื่องๆไป  โดยเน้นไปที่เหตุการณ์มากกว่า ห้วงเวลาว่าจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นก่อน เราถึงจะเห็นการเปิดประเทศได้ อย่างแรก ไม่ใช่ประเด็นเรื่องการฉีดวัคซีน แต่ประเด็นคือปริมาณการได้รับวัคซีน ต่อประชากรทั้งหมดเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ ซึ่งโดยหลักการก็คือยิ่งมากยิ่งดี  ประเด็นที่สองคือ การกลายพันธุ์  ของ COVID-19 อันนี้เป็นเรื่องน่ากังวลมากขึ้น เพราะถ้าวัคซีนเอาไม่อยู่ก็จะเกิดการระบาดอีกรอบ  เล่ามาจบแล้วผมก็ขอมองไปข้างหน้าว่าจะเป็นอย่างไร ผมก็คาดว่าถ้าวัคซีนสามารถจัดการกับเชื้อกลายพันธุ์ได้  ครึ่งปีหลังตัวเลขผู้ติดเชื้อน่าลดลงมาสู่ระดับที่ไม่ต้องกังวล ดังนั้นเศรษฐกิจครึ่งหลังจะค่อยๆดีขึ้น แต่เป็นแบบดีขึ้นจากภายในประเทศ ในส่วนของภาคบริการที่มาจากเรื่องการท่องเที่ยว ผมขอมองยาวๆเป็นต้นปีหน้าครับ

                ภาวะการลงทุน ณ ขณะนี้ ขอยกเป็นเรื่องเดิมคือการเปลี่ยน ธีมการลงทุน จากสถานการณ์ COVID-19 ที่ดูเหมือนจะคลี่คลายลงเนื่องจากความคืบหน้าของการได้รับวัคซีน ในหลายประเทศ ดังนั้น ย่อมต้องมีการเปลี่ยนธีมการลงทุนการปรับพอร์ตย่อมทำให้ภาวะตลาดหุ้นผันผวน  ธีมที่มีการกล่าวถึงกันมาก คือ Unlock theme หรือการเปิดเมือง คือกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง และ Reflation theme ซึ่งได้พูดถึงกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อซึ่งทั้ง 2 ธีมนี้จะมีกลุ่มหุ้นคล้ายกัน เช่น กลุ่ม Commodity  Petrochemical และ Commerce เป็นต้น   

อย่างไรก็ดี การผสมผสาน หรือ Consolidation ที่มาจากการเปลี่ยนธีมการลงทุน ผมมองว่าเป็นการปรับตัวแบบมีคุณภาพ เพราะผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่น่าจะกลับมาเติบโต และบรรยากาศที่ดี จากเรื่องวัคซีน สามารถที่จะพยุงภาวะที่ผันผวนของตลาดหุ้นไปได้ ครับ