งูเห่า เข้าสภา

งูเห่า เข้าสภา

“งูเห่าเข้ารัฐสภา” ปรากฎขึ้นครั้งแรกเมื่อปลายปี 2540 โดยอดีตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง 

ได้ประนาม ส.ส.  ที่ลงคะแนนฝืนมติพรรคว่าเป็น “งูเห่า” ที่ไม่รู้จักบุญคุณของชาวนาอย่างเขา

ครั้งนั้น มีงูเห่ามากถึง 13 ตัว (เอ๊ย!…คน) และหลังจากนั้น เราก็ใช้คำว่า งูเห่า เรื่อยมา

การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะลงคะแนนในวันพรุ่งนี้ ไม่มีกระแสเรื่องงูเห่ามากนัก ถ้าจะมีอยู่บ้าง ก็คงไม่ใช่ประเด็นใหญ่โตอะไรครับ 

ระหว่างที่รอ ผลการลงคะแนนในวันพรุ่งนี้ ผมจึงอยากจะพาคุณผู้อ่านไปเที่ยวที่รัฐสภาอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งตามประวัติก็แทบจะไม่มีงูเห่า แต่คราวนี้กลับมีงูเห่ามากถึง ตัว” กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ชาวโลก ต้องติดตามชมกันเลยทีเดียว 

ใช่ครับ ผมกำลังพูดถึง รัฐสภาอเมริกัน ซึ่งช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการอภิปรายโดยวุฒิสมาชิกจำนวน 100 คน เพื่อพิจารณาไต่สวนและลงมติว่าจะ “ถอดถอน” อดีตประธานาธิบดีทรัมพ์ หรือไม่  

เรื่องของเรื่องก็คือทรัมพ์ถูกกล่าวหาว่า ก่อนที่จะพ้นจากตำแหน่งเพียงสองสัปดาห์

เขาปลุกระดมให้พวกหัวรุนแรงจำนวนมาก บุกเข้าไปทำลายทรัพย์สิน และทำร้ายผู้คนในรัฐสภา จนทรัพย์สินเสียหาย และมีผู้เสียชีวิตถึงห้าคน 

ขนาด ไมค์ เพ็นซ์ รองประธานาธิบดีของเขาเอง ยังต้องหนีออกจากรัฐสภาอย่างฉุกละหุก ดังนั้น สภาผู้แทนราษฎร จึงได้มีมติกล่าวโทษ ให้มีการถอดถอนทรัมพ์ออกจากตำแหน่ง (Impeachment)  

หลังจากสภาผู้แทนฯ ลงมติแล้ว ต้องส่งเรื่องดังกล่าวไปให้ วุฒิสภา เพื่อพิจารณาไต่สวนและมีมติว่า “จะถอดถอนทรัมพ์ หรือไม่” ซึ่งต้องใช้เสียงข้างมาก ใน 3 ของวุฒิสภา คือต้องได้ 67 เสียงจากสมาชิกทั้งหมด 100 คน 

ปัญหาอยู่ตรงนี้แหละครับ เพราะวุฒิสมาชิกจำนวน 100 คน ประกอบด้วยพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล 50 คน พอดี๊พอดี และพรรครีพับลิกันอีก 50 คน... แล้วแบบนี้จะไปถึง 67 เสียง ได้อย่างไร? 

ถ้าจะถอดถอนทรัมพ์ได้สำเร็จ วุฒิสมาชิกของเดโมแครต ต้องลงคะแนนให้ถอดถอนทรัมพ์ทั้ง 50 คน ซึ่งตรงนี้ย่อมเป็นไปได้ แต่ที่ต้องไปหา “งูเห่า” มาจากพรรครีพับลิกัน อีกถึง 17 ตัว (เอ๊ย! คน) แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย 

เดโมแครตก็พยายามครับ ชักชวนวุฒิสมาชิกพรรครีพับริกัน ให้ออกมาเป็น “งูเห่า เพื่อชาติ” โดยย้ำว่าพฤติกรรมเลวร้ายของทรัมพ์ พวกท่านยังจะยอมรับได้อีกหรือ ซึ่งก็มีงูเห่าให้เห็นอยู่เหมือนกันครับ เพราะวุฒิสมาชิกหลายคนในพรรครีพับริกัน ประกาศอย่างเปิดเผยว่า ยอมรับทรัมพ์ไม่ได้จริงๆ 

ถ้าทรัมพ์ถูกถอดถอน เขาจะหมดสิทธิหลายอย่าง เช่น ไม่มีสิทธิสมัครเป็น ประธานาธิบดีสมัยหน้า ไม่ได้รับค่าครองชีพปีละ 200,000 ดอลลาร์ได้รับการรักษาความปลอดภัยตลอดชีวิต ไม่ได้รับเงินค่าจ้างทีมงาน และเปิดสำนักงานส่วนตัวเพื่อใช้ในการรับรองแขก ไม่ได้เงินท่องเที่ยวและพักผ่อน ปีละ 1,000,000 ดอลลาร์และคู่สมรสและบุตร ก็ยังได้รับการดูแลอีกด้วย ฯลฯ

 เขาดูแลอดีตผู้นำของประเทศ ได้ดีมากเลยนะครับ !      

คนที่เกลียดความบ้าบิ่นของทรัมพ์ ก็ภาวนาให้เขาถูกถอดถอน ลุ้นให้มีงูเห่าออกมา 17 ตัว ซึ่งวุฒิสมาชิกบางคน ก็ชัดเจนว่าจะออกมาแน่ๆ แต่ที่เหลือ แม้ไม่ชอบพฤติกรรมของทรัมพ์ ก็เป็นแค่งูเขียวไร้พิษ หวาดกลัวที่จะแปลงร่างมาเป็นงูเห่า 

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อลงคะแนนจริง จึงได้เพียง 57:43 เท่านั้น คือ เดโมแครตลงครบ 50 เสียง และมีงูเห่ามาร่วมโหวดด้วยเพียง 7 ตัวตน เท่านั้นเอง ที่เหลือเป็นเพียงงูเขียวที่เก็บพิษไว้ในใจ ไม่กล้าพ่นพิษใส่ทรัมพ์ เพราะกลัวจะกระทบต่ออนาคตทางการเมืองของตนเอง…  

ทรัมพ์ก็เลยรอด สามารถรักษาสิทธิที่ผมพูดถึง ไว้ได้ทั้งหมด 

เรื่องราวที่ผมเล่ามานี้ ก็คล้ายๆกับ รัฐสภาไทย นะครับ เพียงแต่ที่อเมริกา เขาไม่ใช้คำว่า “งูเห่า” เท่านั้นเอง จริงๆแล้วฝรั่งก็รู้จักงูเห่า เพราะอ่านนิทานอีีสป มีเรื่อง The Farmer and the Snake เหมือนกัน 

ผมเลยนึกขึ้นมาได้ว่า คนไทยเรา ช่างเปรียบเปรยได้ดีกว่าฝรั่ง พอสิ้นปี เราก็ตั้งสมญานามให้ รมต. แต่ละคนจนเห็นภาพชัดเจน อดีต นรม. ท่านหนึ่ง ได้รับสมญานามว่า “ปลาไหลใส่เสก็ต”...นึกภาพออกชัดแจ๋วเลย ใช่ไหมครับ 

ความสามารถแบบนี้ ฝรั่งไม่มีหรอกครับ... ไทยเรากินขาด 

เราเอา “สัตว์” มาใช้เปรียบเทียบบ่อยครั้งครับ เช่นเวลาสมาชิกรัฐสภา ก่อเหตุวุ่นวาย เราก็มีปรากฎการณ์ “ตัวเงินตัวทอง” เลี้อยออกมาให้เห็นที่สภาฯ เหมือนจะบอกว่า ที่ท่านเรียกกันเองว่า เป็น สมาชิกผู้ทรงเกียรติ นั้น จริงๆแล้ว ท่านเป็นได้แค่นี้เองนะ 

เจ็บไหมครับ ถูกเปรียบเทียบแบบนี้ ผมว่าถ้าลดโทนลงมาสักหน่อย แค่เอา “ปลากัด” ไปตั้งใว้สักขวดสองขวด ก็น่าจะเจ็บพอแล้วมั๊ง? 

นี่เพิ่งจะเริ่มต้นปีวัว มารอดูกันว่า ปลายปีนี้ รมต. คนไหน จะได้รับสมญานาม เกี่ยวกับวัวบ้าง ที่ผมค้นดูคำว่า “วัว” ในกูเกิ้ล ก็เห็นมีหลายสำนวน ตั้งแต่ วัวสันหลังหวะ วัวลืมตีน วัวพันหลัก…ฯลฯ 

แต่ละคำน่ากลัวจัง ถ้าท่านผู้ทรงเกียรติ ไม่ต้องการสมญานามแบบนี้ ก็ประพฤติดีเข้าไว้เถอะครับ เช่นวันนี้ ถ้าหากมีคิวอภิปราย ก็อภิปรายให้ดีๆ อย่านอกเรื่อง อย่าหาเรื่อง อย่าเล่นสำนวน อย่าทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง..ให้เป็นเรื่อง ฯลฯ

 ปลายปี จะได้ไม่รับสมญานาม ที่ทำให้ปวดใจครับ